top of page

สนุกกับหิมะที่ TOMAMU สกีรีสอร์ทระดับไฮเอนด์ของฮอคไกโด ประเทศญี่ปุ่น [รีวิว]

อัปเดตเมื่อ 13 ก.ย. 2564


Hoshino Resorts TOMAMU, Hokkaido

Hoshino Resorts TOMAMU


เมื่อเอ่ยถึงสกีรีสอร์ทที่ขึ้นชื่อของเกาะฮอคไกโดแล้ว แน่นอนว่าต้องมีชื่อของ Hoshino Resorts TOMAMU ติดอันดับอยู่ใน Top 5 ของที่นี่อย่างแน่นอน กับอาณาจักรสกีรีสอร์ทระดับไฮเอนด์ที่เพรียบพร้อมไปด้วยลานสกีขนาดใหญ่ที่ครอบคลุมพื้นที่ของภูเขาถึง 2 ลูก โรงแรมที่พัก ห้องอาหาร สระว่ายน้ำในร่ม และกิจกรรมกลางแจ้งนานาชนิด รวมทั้งจุดขายที่ถูกใจนักสกีเป็นที่สุดอย่าง Ski-in Ski-out เรียกว่าแค่แต่งตัวเสร็จก็ออกไปลุยหิมะกันได้เลย เอาเป็นว่าการเดินทางของเราในครั้งนี้จะน่าตื่นตาตื่นใจแค่ไหน เตรียมหยิบเสื้อกันหนาวหนาๆ มาใส่ แล้วออกไปตามรอยด้วยกันกับ On The Jet Plane ในรีวิวนี้เลยดีกว่า ^^ ลุยยยยยย

 

จองห้องพัก Hoshino Resort Tomamu ราคาพิเศษได้ที่นี่


สำหรับการเดินทางจากสนามบินชินชิโตเสะ (New Chitose) เมืองซัปโปโร มายังโทมามุนั้นมีได้หลากหลายวิธีด้วยกัน แต่เราขอแนะนำ 2 วิธีที่ง่ายและสะดวกสบายที่สุด ได้แก่


การเดินทางด้วยรถไฟ ใช้เวลาเดินทางราว 1 ชั่วโมง 30 นาที ด้วยรถไฟ JR จากสถานีรถไฟสนามบินชินชิโตเสะ มายังสถานีโทมามุ จากนั้นนั่งรถชัทเทิลบัสต่อเข้ามายังรีสอร์ทอีกประมาณ 5-10 นาที (ส่วนกรณีที่เริ่มต้นด้วยรถไฟจากในตัวเมืองซัปโปโร จะใช้เวลาราว 1 ชั่วโมง 40 นาที)


การเดินทางด้วยรถบัส ใช้เวลาเดินทางราว 2 ชั่วโมง ด้วยรถบัสของบริษัท Hokkaido Resort Liner (HRL) ซึ่งเป็นผู้ให้บริการรถบัสเอกชนไปยังโทมามุ รวมทั้งสกีรีสอร์ทอีกหลายแห่งทั่วเกาะฮอคไกโด ซึ่งเคาน์เตอร์ให้บริการตั้งอยู่ที่บริเวณ Tour Desk ชั้น 1 อาคารผู้โดยสารในประเทศ สนามบินชินชิโตเสะ แนะนำว่าควรทำการจองล่วงหน้าเท่านั้น เพราะถ้าที่นั่งเต็มก็คือต้องรอรอบถัดไปอย่างเดียว และควรเผื่อเวลาไฟลท์ดีเลย์เอาไว้ด้วยสักนิดนึง เพราะรถออกตรงเวลามากๆ เวลามาถึงแล้วให้ไป Check-in ที่เคาน์เตอร์ของบริษัทเอาไว้ก่อนเวลารถออก จากนั้นเจ้าหน้าที่จะแจ้งเวลาขึ้นรถและจุดที่ให้ไปนั่งคอยให้อีกทีเพื่อรอประกาศเรียกตามเวลา (รถบัสมีให้บริการจากตัวเมืองซัปโปโรด้วยเช่นกัน โดยใช้เวลาเดินทางราว 2 ชั่วโมงพอๆ กัน)


ข้อดีของการเดินทางด้วยรถบัสคือสะดวกสบาย และส่งตรงถึงหน้าโรงแรมที่พักในโทมามุเลย ไม่ต้องเสียเวลายกของขึ้นลงเพื่อเปลี่ยนรถแต่อย่างใด ราคาบัตรโดยสารรถบัสต่อขา 4,100 เยน (ผู้ใหญ่) และ 3,100 เยน (เด็ก)



โทมามุนั้นที่ครอบคลุมพื้นที่กว้างถึง 10 ตารางกิโลเมตร กินอาณาบริเวณของภูเขาถึง 2 ลูกด้วยกัน ด้วยความใหญ่โตขนาดนี้ ภายในโทมามุจึงมีรีสอร์ทให้บริการอยู่ถึง 3 แห่งด้วยกัน ประกอบไปด้วย


รีสอร์ทจากเครือ Hoshino Resorts จำนวน 2 โรงแรม คือ

RISONARE Tomamu ซึ่งเป็นที่พักที่ตั้งอยู่ติดกับลานสกีที่เรียกได้ว่าเป็น Ski-in Ski-out อย่างแท้จริง แต่งชุดสกีเสร็จปั๊ปก็เปิดประตูออกไปเข้า track สกีได้เลย นอกจากนั้นยังมีความโดดเด่นในเรื่องของห้องพักที่เป็นห้องสวีทขนาดกว้างกว่า 100 ตารางเมตรทุกห้องพัก พร้อมมีห้องซาวน่าและอ่างจากุซซี่ในตัว


Tomamu The Tower ถือเป็นที่พักที่เรียกได้ว่าเป็นสัญลักษณ์ของโทมามุเลยก็ว่าได้ กับหอคอยคู่ความสูง 36 ชั้นที่ตั้งตระหง่านอยู่ใจกลางของโทมามุ สามารถเชื่อมต่อไปยังรีสอร์ททั้งสองแห่งและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ได้ด้วยทางเดินในร่ม รวมทั้งสามารถขึ้น Gondola เพื่อไปเล่นสกีจากบนยอดเขาได้เลยจากด้านหน้าที่พัก


รีสอร์ทจากเครือ Club Med จำนวน 1 โรงแรม คือ

Club Med Tomamu จุดเด่นคือตามสไตล์ของ ClubMed เลยคือเป็น All-Inclusive จ่ายทีเดียวจบ รวมค่าที่พัก ค่าอาหาร เรียบร้อยแล้ว


ซึ่งข้อดีของที่นี่คือ รีสอร์ทตั้ง 3 แห่งนั้นมีเจ้าของคนเดียวกัน ดังนั้น Facility บางส่วนภายในโทมามุจึงสามารถใช้ร่วมกันได้ไม่ว่าเราจะพักที่รีสอร์ทไหน รวมถึงพื้นที่ของลานสกีที่มีมากถึง 29 เส้นทางให้เลือกเล่นกันได้ตามอัธยาศัย หรือกิจกรรมกลางแจ้ง ห้องอาหาร หมู่บ้านน้ำแข็ง โบสถ์ บ่อน้ำร้อน และสะว่ายน้ำในร่ม (บางกิจกรรมมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม) เรียกว่ามีกิจกรรมให้ได้สนุกกันตลอดทั้งวันจนไม่ต้องออกไปไหนเลย ดีงามสุดๆ ส่วนการเดินทางภายในรีสอร์ททั้ง 3 แห่งนั้น จะมีรถ Shuttle Bus ให้บริการตลอดทั้งวัน รวมทั้งพื้นที่บางส่วนก็สามารถเดินเชื่อมถึงกันได้ด้วยทางเดินในร่มอีกด้วย


Tomamu The Tower

ภาพมุมสูงของ Tomamu The Tower (2 อาคารสูงด้านหน้า) และ RISONARE Tomamu (อาคารสูงด้านหลัง)

ทางเดินในร่มที่เชื่อมต่ออาคารต่างๆ เข้าด้วยกัน

RISONARE Tomamu

ส่วนที่พักของเราในครั้งนี้คือ RISONARE Tomamu (รีโซนาเร่ โทมามุ) รีสอร์ทระดับ 5 ดาวใจกลางโทมามุ และตามอย่างที่บอกไปตั้งแต่ต้นว่าข้อดีของการเดินทางมาด้วยรถบัสคือ เค้าจะจอดส่งที่หน้าโรงแรมตรงนี้เลย สะดวกมากๆ พนักงานมารอต้อนรับพร้อมยกกระเป๋าเข้าให้เสร็จสรรพ ใช้เวลาไม่นานก็เช็คอินเสร็จเรียบร้อย


โดยห้องพักของที่นี่มีเพียงแค่ 2 Room Type เท่านั้น แถมเป็นห้องสวีทขนาดใหญ่กว่า 100 ตารางเมตรทุกห้อง คือ


- Suite Twin Room (ห้องสวีทเตียงคู่) สำหรับ 2 ท่าน

- Suite Quadruple Room (ห้องสวีทสี่เตียง) หรือห้องพักแบบ Family Room นั้นเอง

สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ภายในห้องพักทั้ง 2 ประเภทนั้นมีให้เหมือนกับเกือบทั้งหมด ต่างแค่จำนวนเตียงที่มีภายในห้องพักเท่านั้นเอง โดยในตอนนี้ทางรีสอร์ทกำลังอยู่ระหว่างการรีโนเวท ดังนั้นห้องพักทั้ง 2 ประเภทที่ว่ามาจะมีทั้งการตกแต่งในแบบเก่า และการตกแต่งในแบบใหม่ (ที่ผ่านการรีโนเวทแล้ว) แต่ถึงจะอย่างไรต้องบอกเลยว่าญี่ปุ่นก็คือญี่ปุ่น แม้จะเป็นการตกแต่งรูปแบบเก่า แต่ก็ยังดูใหม่ สะอาด น่าใช้บริการทั้งคู่จริงๆ ซึ่งทั้งแบบเก่าและแบบใหม่จะเป็นอย่างไรบ้าง ลองถามไปดูกันเลย



ที่ชอบที่สุดของล็อบบี้ที่นี่คือมีเตาผิงตั้งเด่นอยู่ตรงกลาง ดูแล้วอบอุ่นดีมาก แถมได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ของไม้สนที่เอามาเป็นเชื้อเพลิง เข้ากับบรรยากาศฤดูหนาวสุดๆ เวลาเดินกลับมาจากหนาวๆ ข้างนอก ต้องอดใจไม่ไหวขอแวะนั่งผิงไฟซะเกือบทุกครั้งเลย


ทางเดินจากล็อบบี้ไปยังลิฟท์ และส่วนของ Kid Club สำหรับคุณหนูๆ

Suite Twin Room

สำหรับห้องพักของที่นี่บอกเลยว่าถูกใจมากกกกกกกกกกกกกกกก เปิดประตูเข้าไปแล้วเจอกับวิวด้านนอกสวยสุดๆ เพราะตัวอาคารนั้นตั้งอยู่บนเนินเขาติดกับ track สกีเลย มองเห็นภูเขาที่ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะแและทิวต้นสนสีขาวโพลน แถมห้องพักก็มีขนาดใหญ่มาก เพราะแต่ละชั้นมีเพียงแค่ 4 ห้องเท่านั้น อย่างของเราเป็นห้อง Suite Twin Room ที่มีทั้งห้องนั่งเล่น ห้องอาบน้ำพร้อมอ่างจากุซซี่ ห้องน้ำ และห้องนอน ส่วนสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ภายในห้องก็มีทั้งทีวี ตู้เย็น กาน้ำร้อน ตู้เสื้อผ้า และเครื่องฟอกอากาศ เรียกว่าทางรีสอร์ทเค้าจัดมาให้ครบครันสุดๆ


ส่วนไฮไลท์ของที่นี่ต้องยกให้กับห้องอาบน้ำ เพราะมีให้ทั้งห้องอาบน้ำฝักบัว อ่างล้างหน้า 2 อ่าง ห้องอบซาวน่า และอ่างจากุซซี่ที่ตั้งอยู่ติดกับหน้าต่างบานใหญ่ เรียกว่านอนแช่น้ำจิบเครื่องดื่มเย็นๆ พร้อมชมวิวธรรมชาติสวยๆ ด้านนอกไป ฟินสุดๆ


Suite Twin Room

บริเวณห้องนั่งเล่น

ห้องนอน

Suite Twin Room

ห้องอาบน้ำ

วิวดีมากๆ ส่วนตอนกลางคืนก็สามารถเลื่อนมูลี่ลงมาปิดได้

มีทั้งห้องอบซาวน่า และอ่างจากุซซี่ในตัว


ส่วนอันนี้คือการตกแต่งห้องพักแบบใหม่ที่ผ่านการรีโนเวทแล้ว จะมีการเปลี่ยนแปลงแค่ส่วนของห้องนั่งเล่นและห้องนอนเท่านั้น ส่วนห้องน้ำไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ เป็นการผสมผสานกันระหว่างการตกแต่งในแบบสมัยใหม่และความเรียบง่ายในแบบญี่ปุ่นเข้าไว้ด้วยกัน โดยเฉพาะที่นอนที่จะเป็นฟูกแบบ Futon เหมือนกับที่มีใช้ในเรียวกัง ดูไปแล้วก็น่าพักดีเหมือนกัน



 


สกีและกิจกรรมกลางแจ้ง


เรียกว่าไม่พูดถึงเรื่องนี้ไม่ได้เลยเด็ดขาด เพราะนี่คือหัวใจสำคัญของการมาเที่ยวสกีรีสอร์ทก็ว่าได้ โดยเฉพาะการเล่นสกีที่อบกเลยว่าเพื่อพูดถึงชื่อโทมามุแล้ว ไม่มีนักสกีคนไหนในประเทศญี่ปุ่นที่จะไม่รู้จัก เพราะทั้งความสวยงามของภูมิประเทศ และคุณภาพของเกล็ดหิมะของที่นี่ถือว่าดีเยี่ยมไม่เป็นรองใครในญี่ปุ่น


โดยอุณหภูมิช่วงที่เราไปกันนั้นอยู่ระหว่าง -5 ถึง -10 องศา ตามแต่สภาพอากาศในแต่ละวัน บางก็มีวันหิมะตกลมแรงตลอดทั้งวัน บางวันฟ้าใสแจ๋วไม่มีเมฑสักก้อน แต่เห็นหนาวๆ ขนาดติดลบแบบนี้คนไทยอย่างเราไม่ต้องกลัวนะ อย่างน้อยๆ เตรียมชุดกันหนาวและพวก Heattech มาให้เพียงพอสำหรับการเดินเที่ยวในตัวเมืองก็พอ ส่วนชุดสกีและอุปกรณ์ต่างๆ สำหรับลุยหิมะที่นี่เค้ามีให้เช่าพร้อมทั้ง เสื้อ กางเกง ถุงมือ หมวก แว่นตา รองเท้า รับรองว่ากันหนาวระดับติดลบกลางแจ้งได้อย่างแน่นอน ไปนอนเล่นบนหิมะก็ยังไหว


หนาวแค่ไหนก็ไม่กลัว ชุดกันหนาวของที่นี่เค้าเอาอยู่จริงๆ

จุดให้บริการเช่าชุดกันหนาวและอุปกรณ์สกีที่บริเวณใต้ที่พัก

จะสกีหรือสโนว์บอร์ดก็มีให้เช่าครบ

ไม่ต้องห่วงเรื่องไซค์ เค้ามีพร้อหมดทุกขนาด สามารถปรับให้พอดีกับสรีระของแต่ละคนได้ เอาเป็นว่าเมื่อพร้อมแล้วก็ ลุยยยย


แต่เดี๋ยวก่อน....! ลืมไปว่ายังเล่นสกีไม่เป็นเลย 555


ไม่เป็นไร บอกแล้วว่าที่นี่เค้าครบเครื่อง มีครูมาสอนให้พร้อม เริ่มตั้งแต่เบสิคกันก่อนเลยว่าอุปกรณ์ชิ้นไหนคืออะไร ใช้งานยังไง ไปจนถึงการทรงตัว การเบรก และควบคุมทิศทาง บอกเลยว่าไม่ยากเกินความสามารถเราแน่นอน ยิ่งถ้าใครมีพื้นฐานการเล่นพวกโรลเลอร์เบลดหรือสเก็ตน้ำแข็งมาก่อนด้วยแล้ว รับรองแป๊ปเดียวเป็นเลย


โดยเราจะเริ่มต้นกันที่ลานสกีโล่งๆ มุมลาดชันน้อยๆ กันก่อน ถ้าผ่านตรงนี้ไปได้จนครูคิดว่าพร้อมแล้ว ก็จะพาขึ้นลิฟท์ไปลองของจริงกันบนภูเขา แต่ไม่ต้องกังวลไปนะ เพราะครูจะยังไม่พาขึ้นไปถึงยอดบนสุด เอาแค่ครึ่งเดียวก่อน มุมลาดชันไม่กี่องศา และเป็น track แบบ first-timer โดยครูจะคอยเล่นนำทางอยู่ด้านหน้าของเราตลอดเวลาเพื่อช่วยควบคุมความเร็ว พาเลี้ยวซิกแซกไปเรื่อยๆ แบบตัว S ลงมาจนถึงพื้นด้านล่าง ปลอดภัยแน่นอน


บอกเลยว่าแค่ได้ลองครั้งแรกก็ติดใจแล้ว ^^ พูดแล้วยังอยากกลับไปเล่นอีกเลยเนี่ย


เริ่มต้นกันแบบเบสิคก่อน

ถ้าพร้อมเมื่อไหร่ค่อยขึ้นไปเล่นบน track จริงบนภูเขา มี track สำหรับ beginner ด้วยนะ

ส่วนใครเก่งแล้วแนะนำให้มาเล่น track ระดับ Intermediate

หรือถ้าโปรแล้วต้อง track ระดับ advance กันไปเลย ^o^

เห็นคนเล่นกันเยอะแบบนี้ ดูน่าสนุกจัง


มาถึงลานสกีแล้ว ถ้าไม่กล้าเล่นกันเลยก็คงจะเหมือนมาไม่ถึง แต่สุดท้ายแล้วถ้าใครไม่สามารถจริงๆ เราขอแนะนำกิจกรรมนี้เลย Snow Cart ที่เปรียบได้กับการนั่งรถสามล้อลงจากเขา เราแค่คอยควบคุมทิศทางและเหยียบเบรกอย่างเดียวเพื่อไม่ให้เร็วเกินไป โดยขาขึ้นเราจะแบก Snow Cart ขึ้นไปกับ Gondola (กระเช้า) จากนั้นจึงค่อยขับ Snow Cart ลงเขามาตาม track แบบ beginner ความยาว 4.2 กิโลเมตร รับรองว่าง่ายมาก แถมสนุกไม่แพ้กัน


สำหรับค่าเช่า Snow Cart จะอยู่ที่ 2,000 เยน (สำหรับคนมี Gondola Ticket แล้ว) หรือแบบ 3,000 เยน (รวมค่า Gondola Ticket)


Snow Cart

ขาขึ้นนั่ง Gondola ขึ้นไปก่อนชิวๆ

ข้างบนภูเขาฟ้าสวยมาก หิมะขาวๆ ตัดกับท้องฟ้าใสๆ


เมื่อขึ้นมาถึงแล้วอย่าเพิ่งรีบขับ Snow Cart ลงไปนะ เพราะบนนี้ยังมีร้านกาแฟเล็กๆ ให้ได้สั่งเครื่องดื่มและขนมมานั่งทานเล่นดื่มด่ำกับบรรยากาศของธรรมชาติอันสวยงามอีกด้วย โดยเฉพาะเมนู Unkai Soda ที่เสริฟพร้อมกับขนมสายไหมสีขาวราวกับหิมะที่ปกคลุมอยู่บนแก้ว ได้ดื่มแล้วชื่นใจดีจริงๆ ^^


Unkai Soda

Muhyo Coffee และ Muhyo Fondant au Chocolate

Terrace of Frost Tree

นอกจากนี้ ยังมีจุดให้ได้มาถ่ายรูปสวยๆ กันอย่าง Terrace of Frost Tree กันอีกด้วย วิวจากบนนี้อลังการมาก มองเห็นเทือกเขากว้างสุดลูกหูลูกตา สำหรับโดยชมน้ำแข็งตรงนี้ในฤดูหนาวจะเปิดให้เข้ามาเดินชมได้ระหว่างเดือนธันวาคมถึงมีนาคมเท่านั้น


Snow Cart

เมื่อเราาพร้อมจะลงจากเขาแล้วก็เตรียม Snow Cart และใส่หมวกกันน็อคให้พร้อม จากนั้นก็ลุยยยยกันเลย การขับก็ง่ายมาก แค่ปล่อยให้ใหลไปตามแรงโน้มถ่วงของทาลาด ส่วนเราก็คอยบังคับเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาเท่านั้น ถ้าเร็วไปก็คอยเหยียบเบรกเอา เห็นดูง่ายๆ ชิวๆ แบบนี้ บอกเลยว่าเวลาวิ่งลงมาก็เร็วไม่แพ้คนเล่นสกีเหมือนกันนะ



ส่วนใครที่ชอบกิจกรรมกลางแจ้งอย่างอื่นอีก ขอแนะนำที่นี่เลย Outdoor Center เพราะเค้ารวบรวมกิจกรรมสนุกอย่าง สโนว์โมบิว บานาน่าโบ๊ท หรือเดินทางไกล (Snowshoe Hiking) เอาไว้ให้ที่นี้เรียบร้อยแล้ว ใครอยากลองเล่นอันไหนก็ตรวจสอบค่าบริการและจองคิวกันได้เลย


สโนว์โมบิว

ขับสโนว์โมบิวกันเป็นขบวนกลางหิมะ สนุกมาก

บานาน่าโบ๊ท

บานาน่าโบ๊ท


อีกหนึ่งกิจกรรมที่ถือว่าสนุกเกินคาดขอยกให้กับ Snowshoe Hiking หรือการเดินทางไกลกลางหิมะด้วยรองเท้าสโนว์ชู คือตัวรองเท้าจะมีหน้าตาคล้ายๆ กับสกีเกือบทุกประการ แต่ว่ามีขนาดที่สั้นกว่า เวลาเดินก็จะใช้วิธีไถลเท้าไปข้างหน้า ทำให้เราสามารถเดินไปบนหิมะได้ไม่เหนื่อยเหมือนกับการก้าวเท้าแบบปกติซึ่งจะกินแรงมาก


เห็นอากาศหนาวๆ ติดลบแบบนี้ บอกเลยว่าเดินกันมีเหงื่อไหลกันแน่นน เพราะใช้พลังงานพอสมควร แต่ถ้าใครคล่องแล้วจะเริ่มสนุก ระหว่างทางไกด์ของเราก็จะมีคอยอธิบายข้อมูลเกี่ยวกับร่องรอยของสัตว์ป่าที่ทิ้งไว้บนพื้นหิมะ เช่นรอยของกระต่ายป่า รอยเท้ากวาง รวมทั้งกับดับที่ใช้จับหมี


Snowshoe Hiking

เห็นซ่าได้แบบนี้ บอกเลยว่าฝึกเดินกันนานนะกว่าจะคล่อง 555

ไกด์อธิบายให้ความรู้เกี่ยวกับหมีและสัตว์ป่าชนิดต่างๆ

แวะพักจิบโกโก้ร้อนระหว่างทาง ช่วยเพิ่มพลังงานดีมาก

ได้สัมผัสธรรมชาติกันแบบใกล้ชิดสุดๆ

Mina-Mina Beach

ดูกิจกรรมกลางแจ้งลุยๆ กันมาเยอะแล้ว ลองมาพักหาอะไรผ่อนคลาย สบายๆ กันบ้างดีกว่า อย่างที่ชายหาดมินามินะ (Mina-Mina Beach) แห่งนี้ เรียกว่าเป็นสระว่ายน้ำมีคลื่นในร่มที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้ แต่ถึงจะตั้งอยู่กลางหิมะแบบนี้ก็ไม่ต้องกลัวหนาวนะ เพราะน้ำในสระเป็นน้ำอุ่น พอเดินเข้ามาในอาคารแล้วรู้สึกอุ่นสบายถอดเสื้อหนาวแทบไม่ทันกันเลยทีเดียว แถมแขกของทางรีสอร์ทยังสามารถใช้บริการได้ฟรีอีกด้วย


นอกจากนี้ในสระยังมีกิจกรรมสนุกๆ ให้เล่นทั้ง นั่งห่วงยางโต้คลื่น Paddle Board และอ่างน้ำวนให้นั่งแช่ชิวๆ กันอีกด้วยนะ ส่วนถ้าใครลืมเอาชุดว่ายน้ำมาก็สามารถเช่าจากที่นี่ได้เช่นกัน


Kirin-no Yu

แต่สำหรับกิจกรรมที่เราชอบมากที่สุดในมินามินะบีชขอยกให้กับ Kirin-no Yu หรือก็คือบ่อแช่น้ำร้อนกลางแจ้งนั่นเอง ให้ความรู้สึกญี่ปู๊นญี่ปุ่นสุดๆ ดีงามทั้งสถานที่และบรรยากาศ แช่น้ำร้อนไปชมวิวธรรมชาติรอบข้างไป ฟินนนนนมาก แถมยังมีซาวน่าให้บริการอยู่ด้านในห้องอาบน้ำอีกด้วย


โดยบ่อน้ำร้อนจะเปิดให้ริการทุกวันระหว่างเวลา 11:00-23:00 น. มีห้องแยกชาย/หญิงไม่ปนกัน แต่ถ้าใครขี้อายหรืออยากได้ความเป็นส่วนตัว สามารถจองรอบ Private ได้นะ ให้บริการดึกน่อยระหว่างช่วงเวลา 23:00-00:00 น. ซึ่งเปิดรับแค่วัละ 2 คู่เท่านั้น ใครมาจองก่อนได้สิทธิ์ก่อน


Chapel on the water

อีกหนึ่งสถานที่ในโทมามุที่ต้องแวะมาชมก็คือโบสถ์กลางน้ำ (Chapel on the water) เพราะเป็นโบสถ์ที่มีชื่อเสียงมากเนื่องจากได้หนึ่งในสถาปนิกชื่อดังของญี่ปุ่นมาเป็นผู้ออกแบบ ที่แม้ว่าจะก่อสร้างมาตั้งแต่ปี 1985 แต่ดีไซน์ก็ยังคงดูทันสมัยมาจนถึงทุกวันนี้ โดยด้านหน้าของโบสถ์จะเป็นบ่อน้ำที่มีไม้กางเขนตั้งอยู่ แต่เสียดายที่ในหน้าหนาวแบบนี้ถูกหิมะปกคลุมหมดจนมองไม่เห็นบ่อน้ำเลย


ถ้าใครสนใจที่จะมาจัดงาแต่งงานที่นี่ทางรีสอร์ตเค้าก็มีแพ็คเกจเอาไว้ให้อยู่นะ แถมในหน้าร้อนพอไม่มีหิมะแล้ว กำแพงกระจกที่ปิดอยู่ด้านหน้าจะสามารถเลื่อนเปิดออกกลายเป็นโบสถ์แบบ Open Air ได้อีกด้วยนะ เก๋สุดๆ


Ice Village

ส่วนไฮไลท์สุดท้ายที่ไม่พูดถึงเลยไม่ได้ก็คือหมู่บ้านน้ำแข็ง (Ice Village) ที่ถือเป็นอีกหนึ่งเอกลักษณ์และจุดขายของโทมามุเลยก็ว่าได้ เพราะบอกเลยว่าไม่ใช่ทุกที่ที่จะมีหมู่บ้านน้ำแข็งแบบนี้ให้ได้มาเดินเที่ยวชมกันนะ ใครได้มาแล้วถือว่าห้ามพลาดจริงๆ เปิดเฉพาะช่วงฤดูหนาวระหว่างเดือนธันวาคมถึงมีนาคมเท่านั้น ตั้งแต่ 17:00 น. ไปจนถึง 22:00 น. ซึ่งแน่นอนว่าถ้าเป็นแขกที่พักกับทางรีสอร์ทสามารถเข้าชมได้ฟรี ส่วนถ้าเป็นลูกค้าข้างนอกเสียเงินเพิ่มนะจ๊ะ


ภายในหมู่บ้านก็จะมีกระท่อมอิกลูตั้งอยู่เรียงรายหลายหลัง ภายในก็จะเป็นร้านขนม ร้านกาแฟ บาร์ ห้องสมุด โบสถ์ รวมทั้งมีกิจกรรมให้แขกได้ร่วมสนุกกัน เช่น ทดลองทำแก้วน้ำจากน้ำแข็งด้วยตัวเอง หรือถ้าใครสนใจอยากลองพักค้างคืนที่นี่ดูสักคืน เค้าก็มี Ice Hotel เตรียมเอาไว้ให้ 1 ห้องด้วยนะ ส่วนตอนหัวค่ำค้าจะมีจุดพลุโชว์ด้วย เป็นพลุเล็กๆ จุดไม่นาน ใครอยากดูก็มารอชมได้เลย


มีจุดพลุโชว์ด้วย

ห้องสมุดก็มีนะ สั่งกาแฟร้อนมานั่งดื่มแก้หนาวในนี้ได้เลย

เสร็จแล้วแก้วน้ำแข็ง

Ice Hotel

Ice Hotel


 


ห้องอาหาร


ส่วนเรื่องสุดท้ายที่จะขอพูดถึงและเป็นเรื่องที่เราปลื้มมากกกก ^^ ขอยกให้กับเรื่องอาหารการกินของที่ี่นี่ เพราะขึ้นชื่อว่าอยู่ฮอคไกโดแล้ว แน่นอนว่าเรื่องวัตถุดิบคุณภาพดีไว้ใจได้ สดใหม่ไม่เป็นรองใคร แถมที่ีสอร์ทแห่งนี้ยังมีห้องอาหารให้ได้เลือกทานกันหลากหลายแห่งไม่ว่าจะแนวญี่ปุ่น หรือฝรั่ง เอาแค่อาหารญี่ปุ่นอยากเดียวก็มีให้เลือกกันหลายประเภทแล้ว อร่อยได้ไม่ซ้ำแต่ละมื้อเลยจริงๆ


และห้องอาหารแห่งแรกที่จะพาไปอร่อยกันก็คือห้องอาหารนินินุปุริ (Nininupuri) ที่บอกเลยว่าชอบมาก ยืนหนึ่งมากเลย เพราะว่าเป็นห้องอาหารที่ให้บริการแบบบุฟเฟ่ต์นานาชาติ ตั้งอยู่กลางป่ารายล้อมไปด้วยต้นสนและหิมะ บรรยากาศดีมาก ยิ่งวันไหนมีหิมะตกลงมาด้วยแล้ว ได้บรรยากาศสุดๆ เปิดให้บริการทั้งเช้าและเย็น ซึ่งเมนูก็จะเปลี่ยนกันไปตามช่วงเวลา โดยหนึ่งในเมนูที่ปลื้มมากตอนมื้อเช้าคือเมนูข้าวหน้าปลาดิบที่สามารถตักกันได้แบบไม่อั้นพูนๆ จานเลย ทั้งเนื้อแซลม่อน ไข่แซลม่อน และกุ้งหวาน ส่วนบุฟเฟ่ต์มื้อเย็น นอกจากไลน์อาหารที่หลากหลายแล้วยังมี free flow เบียร์สดให้กดดื่มกันได้ด้วยนะ


Nininupuri

ห้องอาหารนินินุปุริตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ

ไลน์อาหารกลากหลายมาก

มื้อเช้าตักกันได้แบบไม่อั้น ถูกใจคนชอบทานอาหารญี่ปุ่นจริงๆ ^^

มื้อเย็นมีเบียร์สดด้วนะ

ซาชิมิสดใหม่มาก โดยเฉพาะโฮตาเตะหวานสุดๆ

Paysage

ห้องอาหารเพเซจ (Paysage) ตั้งอยู่บนชั้น 32 ของ RISONARE Tomamu วิวสวยมากชวนให้เจริญอาหารดีจริงๆ โดยเสิร์ฟมื้อเช้าในรูปแบบเป็นเซ็ต มีให้เลือกทั้งเนื้อ หมู และแซลม่อน มาพร้อมกับซุปและเครื่องเคียง ส่วนพวกขนมปังหรือน้ำผลไม้สามารถเดินไปตักได้เองตามใจชอบ


ทานข้าวเช้าไปชมวิวภูเขาไป


ห้องอาหารและร้านกาแฟ Green Kitchen เป็นร้านขนาดเล็กที่ตั้งอยู่ภายใน Outdoor Center เพื่อให้บริการแขกที่มาเล่นกิจกรรมกลางแจ้ง ประมาณว่าเล่นมาแล้วหิว อยากหาที่พักเหนื่อย ก็แวะเข้ามาทานข้าวกันได้เลย เมนูส่วนใหญ่จะเป็นเมนูอาหารจานเดียวแบบง่ายๆ ทำได้รวดเร็ว อย่างสปาเก็ตตี้ หรือสเต็ก รวมทั้งมีเครื่องดื่มร้อนเย็นต่างๆ ให้บริการ


Hotalu Street

หากใครไม่อยากจำเจ ต้องมาหาของอร่อยๆ ทานกันที่นี่เลย Hotalu Street แหล่งรวมร้านอาหารและคาเฟ่ที่มีให้เลือกมากถึง 8 ร้านด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหารจานด่วน จานหนัก หรือคาเฟ่ของหวาน ส่วนใหญ่เปิดให้บริการมื้อเที่ยงและเย็นเป็นหลัก ตั้งอยู่ติดกับลานสกีเลย เรียกว่าลงจากเขามาแล้วสามารถสกีเข้ามาจนถึงหน้าร้าน พอทานเสร็จก็ใส่ชุดให้พร้อมแล้วออกไปเล่นสกีต่อได้ทันที


อย่างร้านที่เรามาทานกันคือร้านราเมน Afuri ชามเดียวง่ายๆ ราคาไม่แพง เหมาะทานเป็นมื้อเที่ยงแล้วออกไปสนุกกับสกีได้ต่อ หรือถ้าชอบพวกข้าวหน้าปลาดิบต้องที่ร้าน Eni Bowl & Roll House ที่ใช้วัตถุดิบสดใหม่มาก มีเมนูไฮไลท์เป็นชุดข้าวหน้าปลาดิบ 6 อย่าง จัดมาเป็นถ้วยเล็กๆ น่ารักได้ทานหลากหลายดีทั้ง แซลม่อน ทูน่า ปู กุ้ง หอยเชลล์ และหอยเม่น


ราเมน Afuri

ร้าน Eni Bowl & Roll House

ชุดข้าวหน้าปลาดิบ 6 อย่าง

Hal

ห้องอาหารฮัล (Hal) ตั้งอยู่ระหว่างทางไป Ice Village ถือเป็นอีกหนึ่งบุฟเฟ่ต์ที่ไม่ควรพลาด เพราะจุดขายของห้องอาหารแห่งนี้คือมีขาปูอลาสก้าให้บริการด้วย ตักกันได้ไม่อั้น อยากทานกี่ขาก็หยิบกันไปได้เลย ^^ มีให้บริการทั้งแบบกริลล์ แบบนึ่ง และแบบต้มซุป อร่อยทุกอย่างจริงๆ นอกจากนี้ยังมีเนื้อย่าง ซาชิมิ แซลม่อนโรล และอาหารญี่ปุ่นประเภทอื่นๆ ให้ทานกันอีกด้วย ส่วนของหวานปิดท้ายที่ห้ามพลาดจริงๆ คือเมนูไอศครีมวนิลาท๊อปด้วยสายไหม ทานแล้วรสชาติเข้ากันดีมาก


ขาปูอลาสก้า

ขาปูอลาสก้าาาา ใหญ่เต็มคำสะใจมาก

เมนูของหวานเป็นไอศครีมและสายไหม


ห้องอาหารสุดท้ายที่จะพามาชมกันคือห้องอาหารโซระ (SORA) ซึ่งตั้งอยู่ภายใน RISONARE Tomamu ชั้น 31 สามารถมองเห็นวิวสวยๆ ได้ทั้งรีสอร์ต เปิดให้บริการสองช่วงเวลาด้วยกันคือเช้าและเย็น โดยในตอนเช้าจะให้บริการเป็นชุดอาหารญี่ปุ่นอย่างดีที่จัดมาอย่างอลังการมาก เลือกได้ทั้งชุดเนื้อ ชุดปู และชุดซาชิมิ พร้อมทั้งสามารถไปตัดของว่างและเครื่องเคียงต่างๆ เพิ่มได้อีกด้วย


ส่วนในตอนเย็นจะให้บริการเป็นชาบูชาบูอาหารทะเลและเนื้อวากิวที่ใช้วัตถุดิบอย่างดีเกรดพรีเมี่ยม อย่างเช่นเนื้อแบบ A5 ลายหินอ่อนสีสวยมาก คีบมาลวกในน้ำร้อนแล้วค่อยตักเข้าปากนะ โอ๊ยยยย ละลายเลยยยย ส่วนเมนูอื่นๆ ก็มีให้เลือกสั่งเพิ่มเติมได้ทั้งซูชิ ซาชิมิ ไก่ทอด ไข่หวาน ฯ ส่วนตอนท้ายถ้ายังไม่อิ่มกัน สามารถสั่งข้าวสวยและไข่ไก่มาทำเป็นโจ๊กร้อนๆ ปิดท้ายได้อีกด้วย โดนพนักงานจะเอาลงไปต้มให้ในหม้อพร้อมตักเสิร์ฟให้เสร็จสรรพ ปิดท้ายมื้ออร่อยได้อย่างประทับใจจริงๆ


ห้องอาหาร SORA

SORA

ชุดอาหารเช้าแบบญี่ปุ่น

มื้อเย็นให้บริการแบบชาบูชาบู อร่อยมาก

น่ากินทุกเมนูเลย

เนื้อลายหินอ่อน สีสวยจริงๆ


 


และนี่ก็คืออีกหนึ่งในสกีรีสอร์ทของเกาะฮอคไกโด ประเทศญี่ปุ่น ที่เราอยากขอแนะนำจริงๆ จากประสบการณ์ที่ได้มาพักตลอด 5 วัน 4 คืน ที่นี่เป็นอะไรที่พิเศษมาก ประทับใจทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นห้องพัก กิจกรรม หรือเรื่องอาหารการกิน ที่ภายในรีสอร์ทเค้าเตรียมเอาไว้ให้ทุกอย่างแล้ว อย่างเรื่องของกินเรียกว่ามีช๊อยส์ให้เลือกเยอะจนไม่ต้องออกไปไหนข้างนอกเลย รวมทั้งเรื่องของกิจกรรมกลางแจ้งที่มีหลากหลาย เล่นได้ตั้งแต่ระดับมือใหม่ไปจนถึงมือโปร รวมทั้งกิจกรรมสนุกๆ ที่สามารถเล่นได้ทั้งครอบครัวก็มีพร้อม

เอาเป็นว่าถ้าใครอยากลองตามรอยในรีวิวให้ครบนี้ก็จัดกระเป๋าเตรียมชุดกันหนาวสวยๆ ให้พร้อม แล้วจองมาเที่ยวกันเลย 4-5 วันเป็นอย่างต่ำ รับรองว่าไม่ผิดหวังแน่นอน ^^ สุโค่ยยยยย

 

จองห้องพัก Hoshino Resort Tomamu ราคาพิเศษได้ที่นี่


ดูกิจกรรมอื่นๆ ที่น่าสนใจในโทมามุเพิ่มเติมได้ ที่นี่



Comments


bottom of page