รีวิว JW Marriott Phuket Resort & Spa โรงแรมหรูติดหาดไม้ขาวที่เจดับบลิว แมริออท ภูเก็ต รีสอร์ทแอนด์สปา
ดีงามจนอยากจะแชร์ต่อ กับประสบการณ์เข้าพัก ณ โรงแรมเจดับบลิว แมริออท ภูเก็ต รีสอร์ทแอนด์สปา (JW Marriott Phuket Resort & Spa) โรงแรมหรูติดทะเลภูเก็ต ที่อยู่เคียงคู่กับหาดไม้ขาวแห่งนี้มายาวนานกว่า 20 ปี จนเรียกได้ว่าเป็นโรงแรมขนาดใหญ่จากเชนระดับโลกแห่งแรกๆ ของย่านนี้เลยก็ว่าได้ แต่บอกเลยว่าถึงจะเปิดให้บริการมานาน แต่ว่าความยิ่งใหญ่ และชื่อเสียงของทางโรงแรมก็ไม่ได้ลดลงไปตามกาลเวลาเลยแม้แต่น้อย แต่กลับชัดเจนและได้เป็นที่กล่าวขานกันมากยิ่งขึ้น จนล่าสุดได้รับการโหวดให้เป็นอันดับ 1 ของโรงแรมในภูเก็ตบนเว็บไซต์ TripAdvisor (ข้อมูล ณ พฤศจิกายน 2021) พอได้ฟังอย่างนี้แล้ว เรายิ่งอยากที่จะกลับไปเยือนโรงแรมแห่งนี้กันอีกครั้ง เพื่อบอกเล่าเรื่องราวอันน่าประทับใจให้กับเพื่อนๆ ได้ฟังกัน
ถ้าอยากรู้ว่าเจดับบลิว แมริออท ภูเก็ต รีสอร์ทแอนด์สปา จะน่าจะพักแค่ไหน ตามไปชมกันในรีวิวนี้ได้เลย ^^
จองห้องพัก JW Marriott Phuket Resort & Spa ราคาพิเศษได้ที่นี่
เปรียบเทียบราคาจาก Agoda
เปรียบเทียบราคาจาก Booking
โรงแรมเจดับบลิว แมริออท ภูเก็ต รีสอร์ทแอนด์สปา ถือเป็นโรงแรมหรูระดับ 5 ดาว ในกลุ่ม Luxury จากเครือ Marriott กลุ่มโรงแรมที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกจากประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งในประเทศไทยมีอยู่ด้วยกัน 3 แห่ง คือที่กรุงเทพฯ ภูเก็ต และเขาหลัก (รวมถึงมีแผนที่จะสร้างในประเทศไทยเพิ่มเติมในอนาคต) โดยเจดับบลิว แมริออท ภูเก็ต รีสอร์ทแอนด์สปา แห่งนี้ตั้งอยู่ติดกับหาดไม้ขาว ซึ่งห่างจากสนามบินภูเก็ตเพียงแค่ 15 นาทีเท่านั้น ถือว่าสะดวกสบายมากๆ เพราะลงจากเครื่องแล้วนั่งรถเพียงครู่เดียวก็ถึงโรงแรมเลย
เมื่อเดินทางมาถึงโรงแรม ทางเจ้าหน้าที่จะออกมาต้อนรับพร้อมกับมอบกำไลข้อมือรูปเต่าทะเล ซึ่งเป็นงานฝีมือจากชาวบ้านในพื้นที่ ที่มอบให้กับแขกทุกคนที่เข้ามาพักเพื่อเป็นการต้อนรับก่อนที่จะพาไปเช็คอิน เนื่องจากว่าพื้นที่ของโรงแรมตั้งอยู่ติดริมหาดไม้ขาว ซึ่งเป็นชายหาดที่อยู่ในพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติสิรินาถ อันเป็นพื้นที่วางไข่ของเต่าทะเล ดังนั้นชายหาดบริเวณหน้าโรงแรมจึงเงียบสงบและมีความเป็นส่วนตัวมาก
บริเวณล็อบบี้โรงแรมต้องบอกว่าว้าวมาก เป็นอีกหนึ่งในมุมไฮไลท์ของโรงแรมเลยก็ว่าได้ที่ใครได้เห็นภาพก็จะรู้ทันทีว่าอยู่ที่ไหน เพราะมีสระน้ำขนาดใหญ่ตั้งอยู่ด้านหน้า สะท้อนกับวิวท้องฟ้าสีคราม และสามารถมองออกไปเห็นวิวทะเลด้านนอก ได้รับการตกแต่งในบรรยากาศของเมืองท่องเที่ยวเขตร้อนที่ผสมผสานเข้ากับความเป็นไทยได้อย่างลงตัว ซึ่งต้องพูดเลยว่าจุดขายแบบนี้ถูกใจชาวต่างชาติสุดๆ แต่สำหรับคนไทยบางคนอาจจะชอบ บางคนอาจจะเฉยๆ แต่สำหรับเราเราชอบนะ ดูน่ามาพักผ่อน แถมการที่โรงแรมจะมีล็อบบี้ใหญ่ขนาดนี้ต้องเรียกว่าไม่ธรรมดาเลย ดีงามสมศักดิ์ศรีแบรนด์ระดับบนจากเครือ Marriott จริงๆ
ส่วนพื้นที่โดยรอบโรงแรมนั้นกว้างขวางมาก กินพื้นที่ถึงกว่า 66 ไร่ ริมชายหาดไม้ขาว เอาเป็นว่าถ้าใครจะเดินสำรวจรอบโรงแรมนี่มีเหนื่อยกันเลยทีเดียว ขนาดเราเองเดินเป็นแนวเส้นตรงตามแนวทางเดินหน้าชายหาดตั้งแต่ซ้ายไปขวายังใช้เวลาพอสมควรเลย เพราะพื้นที่หน้าหาดย้ายหลายร้อยเมตรมากๆ
วิวจากบริเวณล็อบบี้ของโรงแรมเจดับบลิว แมริออท ภูเก็ต รีสอร์ทแอนด์สปา
มุมเช็คอินของสมาชิก Marriott Bonvoy
เครื่องดื่ม Welcome Drink เป็นน้ำอันชัญมะนาว (ซ้าย)
บรรยากาศจากบริเวณล็อบบี้ยามเย็น
Room Type
ห้องพักของโรงแรมเจดับบลิว แมริออท ภูเก็ต รีสอร์ทแอนด์สปา มีทั้งหมด 262 ห้อง สามารถแบ่งออกได้เป็น ประเภทด้วยกัน ได้แก่
Deluxe Garden View (ขนาด 47 ตารางเมตร)
Deluxe Garden Sea View (ขนาด 51 ตารางเมตร)
Deluxe Terrace (ขนาด 63 ตารางเมตร)
Deluxe Pool Terrace (ขนาด 63 ตารางเมตร)
Deluxe Family Terrace (ขนาด 63 ตารางเมตร) เพิ่มเตียงเสริมสำหรับคุณหนูๆ
Deluxe Pool Access (ขนาด 63 ตารางเมตร) ห้องพักแบบใหม่ล่าสุดของทางโรงแรม มีสระหน้าห้อง
One-Bedroom Jacuzzi Suites (ขนาด 169 ตารางเมตร)
One-Bedroom Pool Suites (ขนาด 187 ตารางเมตร)
Royal Villa (ขนาด 2 ห้องนอน)
ถ้าจะให้อธิบายเข้าใจง่ายๆ ต้องเรียกว่าห้องตระกูล Deluxe ทั้งหมดนั้นมีหน้าตาและพื้นที่ใช้สอยภายในแทบจะเหมือนกันเลยทุกประการ ต่างกันแค่วิวที่มองเห็นเป็นสวน หรือทะเล และถ้าห้องไหนที่อยู่ชั้นล่างสุดก็จะเป็น Pool Terrace คือเพิ่มพื้นที่ของ Terrace ที่มีเตียงอาบแดดเข้ามา สามารถเดินเชื่อมไปสระว่ายน้ำส่วนกลางของโรงแรมได้เลย ส่วนห้องที่เป็น Pool Access ซึ่งเป็น Room Type แบบใหม่ล่าสุด ก็คือห้องแบบเดียวกันกับ Pool Terrace นั่นแหละ แต่ว่าจะมีสระน้ำแบบส่วนตัวตั้งอยู่ที่บริเวณหน้าห้องเลย
ส่วนห้องตระกูล One-Bedroom ก็จะเหมือนกันทั้ง Jacuzzi และ Pool โดยห้องที่อยู่ชั้น 2 และ 3 จะเป็นพื้นที่ระเบียงและมี Jacuzzi ที่บริเวณระเบียง ส่วนห้องที่อยู่ชั้น 1 ซึ่งเป็นชั้นล่างสุดจะมีพื้นที่ห้องสระว่ายน้ำเข้ามาแทน
ส่วน Royal Villa แบบ 2 ห้องนอน พร้อมสระส่วนตัวนั้นมีเพียงหลังเดียวเท่านั้น Exclusive สุดๆ
Deluxe Garden Sea View
ในครั้งนี้เรามาพักแบบดีลักซ์ การ์เด้น ซีวิว ขนาด 51 ตารางเมตร ที่ตั้งอยู่บริเวณชั้น 2 ของอาคาร สามารถมองเห็นวิวทะเลได้จากห้องพัก (แต่บางมุมอาจมีต้นไม้บังบ้าง) โดยบรรกากาศการตกแต่งจะเป็นในสไตล์ไทย ภายในห้องค่อนข้างกว้างขวางดี โดยจะมีส่วนของเตียงนอน โต๊ะทำงาน ทีวีขนาด 42 นิ้ว ลำโพงบลูทูธของ JBL ตู้เสื้อผ้า มินิบาร์ และมุมนั่งเล่นริมหน้าต่างที่จะเป็นหมอนอิงสามเหลี่ยมแบบไทย เอาไว้ให้นอนชมวิวนอกห้อง รวมถึงมีมุมระเบียงเล็กๆ ที่สามารถเปิดออกไปนั่งเล่นริมระเบียงได้
ส่วนของห้องน้ำสามารถเปิดเชื่อมกับห้องนอนได้ ทำให้ห้องรู้สึกโปร่งมากยิ่งขึ้น โดยภายในห้องน้ำประกอบไปด้วยส่วนของอ่างล้างหน้า ห้องอาบน้ำแบบเรนชาวเวอร์ และอ่างแช่น้ำ ส่วนผลิตภัณฑ์อาบน้ำ (Bath Amenity) แน่นอนว่าของเครือ JW Marriott จะใช้จากแบรนด์ Aromatherapy Associates ประเทศอังกฤษ ที่จัดมาครบชุดทั้งพวกสบู่ แชมพู โลชั่น และของจุกจิกต่างๆ
นอกจากนี้ ภายในห้องพักจะมี JW Journal วางเอาไว้ให้ ซึ่งดีไซน์เป็นเหมือนหนังสือพิมพ์ฉบับเล็กๆ ที่มีข้อมูลและโปรโมชั่นต่างๆ ของทางโรงแรมเอาไว้ให้เราตรวจสอบข้อมูล โดยเนื้อหาจะเปลี่ยนไปทุกเดือนไม่เหมือนกัน
ห้องพักแบบ Deluxe Garden Sea View
ลำโพงบลูทูธของ JBL รุ่น Horizon
JW Journal
มินิบาร์ (ซ้าย) และตู้เสื้อผ้า (ขวา)
ห้องน้ำสามารถเปิดเชื่อมกับห้องนอนได้
ห้องอาบน้ำแบบเรนชาวเวอร์
ผลิตภัณฑ์อาบน้ำจาก Aromatherapy Associates
สั่งเครื่องดื่มเย็นๆ มานั่งจิบชิวๆ ภายในห้องนอน (ซ้าย) และทางเดินระหว่างห้องพัก (ขวา)
Turn Down ช่วงหัวค่ำ ทางเจ้าหน้าที่จะปิดม่านหน้าต่าง พร้อมจัดผ้าปูเตียงให้พร้อมนอน ส่วนบนเตียงจะมีขนม พร้อมด้วยข้อความจากเจ้าหน้าที่คนที่ดูแลห้องของเรามาวางเอาไว้ให้บนเตียง
Deluxe Pool Terrace
ขอพามาชมอีกหนึ่งประเภทห้องพักคือ Deluxe Pool Terrace ที่เลย์เอ้าท์ภายในห้องเหมือนกันกับห้องที่เราพักทุกประการ ต่างกันแค่ห้องประเภทนี้จะตั้งอยู่ที่ชั้น 1 พร้อมด้วยพื้นที่เทอร์เรสและเตียงอาบแดด รวมทั้งสามารถเดินเชื่อมไปยังสระว่ายน้ำส่วนกลางของโรงแรมได้เลย
ด้านหน้าของห้อง Deluxe Pool Terrace
Deluxe Pool Access
ห้องพักประเภทใหม่ล่าสุดของทางโรงแรม กับห้อง Deluxe Pool Access ที่มากับพื้นที่สระว่ายน้ำด้านหน้าห้องพัก (ด้านในเหมือนกันทุกประการ) เพียงเปิดประตูและเดิมเชื่อมลงสระได้เลย บรรยากาศดีหน้ามาพักมากๆ ถือเป็นอีกหนึ่งห้องพักที่น่าจะได้รับความนิยมในอนาคตแน่ๆ (แขกจากห้องพักประเภทอื่นไม่สามารถมาใช้บริการสระตรงนี้ได้)
ห้องพัก Deluxe Pool Access
Facility
พื้นที่ส่วนกลางของโรงแรมเจดับบลิว แมริออท ภูเก็ต รีสอร์ทแอนด์สปา ประกอบไปด้วย
สระว่ายน้ำ
The Main Pool สระว่ายน้ำหลักยาว 107 เมตร และสไลเดอร์
The North Pool ค่อนข้างส่วนตัว สำหรับผู้ที่อายุ 16 ปีขึ้นไปเท่านั้น
The Blue Pool สระแห่งที่ 3 ที่มี Pool Bar ตั้งอยู่ตรงกลางสระ
Health Club & Fitness Center
Mandara Spa
Kid's Club
Turtle Shelter and Education Center
ชายหาด และกิจกรรม Water Sports
สนามเทนนิส
สวนหย่อม
จักรยาน (ยืมปั่นภายในโรงแรม หรือไปร้านค้าข้างนอก)
The Main Pool
เป็นสระว่ายน้ำหลักของทางโรงแรมและเป็นสระที่เราชอบมาก เพราะยาวกว่า 107 เมตร และลึกถึง 2 เมตรด้วยกัน พื้นที่สระทั้งหมดปูด้วยหินทรายก้อนใหญ่ที่ไม่ค่อยได้เห็นในสมัยนี้มากนัก แต่ว่ามันฟิลลิ่งดีมาก เวลาดำลงไปใต้น้ำแล้วสีสวย อารมณ์เหมือนออกไปสำรวจอารยธรรมโบราณแบบในหนังทูมไรเดอร์ 555 เป็นเอกลักษณ์ที่ไม่ค่อยเหมือนใครดี ส่วนพื้นที่ติดกันเป็นส่วนของสระเด็กที่จะตื้นกว่าและมีสไลเดอร์ให้เล่น
ส่วนของสระเด็กและสไลเดอร์
นอนอาบแดดชิวๆ ริมสระ
ส่วนตรงพื้นที่ของสระเด็กจะตื้นกว่าเยอะมาก น้องๆ หนูๆ สามารถลงมาเล่นน้ำได้อย่างไม่ต้องกังวล พร้อมมีสไลเดอร์ให้ได้มาเล่นกัน
ซุ้มประตูโค้ง เอกลักษณ์สำคัญของ The Main Pool
The North Pool สระนี้จะเงียบสงบหน่อย เพราะจำกัดอายุสำหรับผู้ที่ 16 ปีขึ้นไป
ชายหาด และกิจกรรม Water Sports
อย่างที่บอกไปตอนต้นว่าชายหาดบริเวณหน้าโรงแรมนั้นยาวมาก และตั้งอยู่ในพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติสิรินาถ จึงมีความเงียบสงบและเป็นธรรมชาติ ไม่มีอาคารหรือสิ่งก่อสร้างให้ดูรบกวนสายตา สามารถมาเดินเล่นถ่ายรูปสวยๆ หรือนั่งชิมชมวิวอาทิตย์ตกยามเย็นได้ตามใจชอบ
โดยทางโรงแรมได้เตรียมกิจกรรม Water Sports เอาไว้ให้เล่นกันหลากหลายชนิด (ไม่เสียค่าบริการเพิ่ม) ไม่ว่าจะเป็นเรือคายัค แพดเดิ้ลบอร์ด และบอดี้เซิร์ฟบอร์ด นอกจากนี้ยังมีโรงเรียนสอนดำน้ำที่ตั้งอยู่ภายในโรงแรมอีกด้วย แต่ว่าจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
กิจกรรม Water Sports ที่มีให้บริการฟรี
สนุกกับกิจกรรมบอดี้เซิร์ฟบอร์ด
บรรยากาศดีๆ ริมหาดไม้ขาว
แพดเดิ้ลบอร์ด
Mandara Spa
อีกหนึ่งสปาระดับโลกที่ได้รับรางวัลมาแล้วมากมาย โดยภายในห้องทรีทเม้นท์กว่า 16 ห้องนั้น ได้รับการตกแต่งอย่างสวยงามน่ามาใช้บริการ โดยภายในห้องมีทั้งห้องแต่งตัวและห้องน้ำในตัว รวมถึงห้องทรีทเม้นท์ อ่างแช่น้ำ และศาลาไทยสำหรับใครที่ต้องการนวดไทยแบบกลางแจ้งรับลมเย็นๆ ด้านนอก
ทรีทเม้นท์ของที่นี่มีให้เลือกหลากหลาย ทั้งแบบไทย และตะวันตก อย่างคอร์สที่เราเลือกเป็นแบบนวดน้ำมัน Aromatherapy ผ่อนคลาย พร้อมจบคอร์สด้วยการลงแช่น้ำนมปิดท้ายอย่าง ประทับใจสุดๆ
มันดารา สปา เปิดให้บริการตั้งแต่ 10:00 - 22:00 น.
ห้องทรีทเม้นท์ภายในมันดารา สปา
แช่น้ำนม (ซ้าย) และน้ำสมุนไพรหลังเสร็จจากสปา (ขวา)
สวนหย่อม
พื้นที่สวนหย่อมขนาดใหญ่ระหว่างอาคารภายในโรงแรมดูร่มรื่นสบายตาด้วยต้นมะพร้าวสูงใหญ่ ที่ช่วยซ่อนตัวอาคารให้กลมกลืนไปกับพื้นที่และธรรมชาติบริเวณริมหาด ได้รับการออกแบบโดย Bill Bensley พ่อมดแห่งวงการออกแบบโรงแรมมาเป็นผู้ออกแบบให้อีกด้วย
Health Club & Fitness Center
ฟิตเนส เซ็นเตอร์ ที่เปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมด้วยเครื่องออกกำลังกายประเภทต่างๆ ขนาดใหญ่ใช้ได้ทีเดียว แถมในนี้ยังมีพวกห้องซาวน่า คลาสโยคะต่างๆ รวมถึงให้บริการสำหรับใครที่ต้องการใช้สนามเทนนิส หรือยืมจักรยานเพื่อปั่นชมวิวภายในโรงแรม หรือปั่นออกไปร้านค้าด้านนอกอีกด้วย
Kid's Club
คิดส์คลับของทางโรงแรม มีขนาดกว้างขวางทีเดียว พร้อมด้วยกิจกรรมต่างๆ สำหรับคุณหนูๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นห้องเล่นเกมส์ ห้องดูการ์ตูน มุมนั่งเล่นทำกิจกรมต่างๆ รวมถึงยังมีเข้าค่ายแบบเดย์แคมป์ (มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม) ที่มีพี่เลี้ยงคอยดูแลและพาออกไปทำกิจกรรมต่างๆ ภายในพื้นที่โรงแรม เรียกว่าคุณพ่อคุณแม่มาส่งคุณลูกแต่เช้า และออกไปเที่ยวหรือทำธุระต่างๆ กันได้อย่างสบายใจ และค่อยกลับมารับอีกทีในช่วงเย็น
เปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่ 09:00-21:00 น.
Turtle Shelter and Education Center
จะมีสักกี่โรงแรมในภูเก็ตกันที่มีศูนย์ศึกษาเรียนรู้และฟื้นฟูเต่าทะเลหาดตั้งอยู่ภายในโรงแรม เพราะอย่างที่บอกว่าพื้นที่ตรงนี้เป็นอุทยานแห่งชาติ (เฉพาะบริเวณริมชายหาด) ซึ่งเป็นแหล่งวางไข่ของเต่าทะเล ดังนั้นทางโรงแรมจึงได้ร่วมกับมูลนิธิเพื่อการอนุรักษ์เต่าทะเล หาดไม้ขาว จัดตั้งศูนย์ศึกษาเรียนรู้และฟื้นฟูเต่าทะเลขึ้นภายในโรงแรม (เป็นศูนย์ย่อยขนาดเล็ก) รวมทั้งเป็นสถานที่พักฟื้นให้กับน้องเต่าทะเลที่ได้รับบาดเจ็บหรือพิการ เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้เข้ามาเรียนรู้และศึกษาเกี่ยวกับเต่าทะเล รวมถึงสามารถบริจาคเพื่อช่วยสนับสนุนการดำเนินงานของทางมูลนิธิได้เช่นกัน
น้องเต่าทะเลที่มีความพิการได้รับการดูแลอยู่ในบ่อพักฟื้นภายในศูนย์ฯ
Restaurant
ห้องอาหารและบาร์ของโรงแรมเจดับบลิว แมริออท ภูเก็ต รีสอร์ทแอนด์สปา มีอยู่ถึง 14 แห่งด้วยกัน ถือว่าเยอะมากๆ ทานสนุก ของกินหลากหลายแนวไม่จำเจ แต่เราจะขอยกมาแค่เพียงตัวเด่นๆ เท่านั้น ได้แก่
JW Cafe
Cucina
Siam Deli
Benihana Japanese Steakhouse
Sala Sawasdee Lobby Bar
Rim Nam Pool Bar
Out of the Blue Splash Bar
M Beach Club
Andaman Grill
JW Cafe
ถือเป็นห้องอาหารเช้าหลักของทางโรงแรมที่ให้บริการในรูปแบบไลน์บุฟเฟ่ต์ ตั้งอยู่บริเวณอาคารหลักใจกลางโรงแรม มองเห็นวิวของ The Main Pool และทะเลด้านนอก โดยอาหารเช้าเปิดให้บริการตั้งแต่ 07:00-11:00 น. ไลน์อาหารอาจจะไม่ได้ดูใหญ่โตฟู่ฟ่า แต่ก็มีหลากหลายชนิดให้เลือก ทั้งอาหารฝรั่ง ไม่ว่าจะเป็นสลัด แฮม เบค่อน ชีส ไข่ประเภทต่างๆ Egg Benedict และเมนู Highlight of the Day ที่เป็นพวกเมนูไข่ในสไตล์ไทยๆ จัดจานมาอย่างสวยงาม รวมถึงยังมีอาหารไทยพวกข้าวต้ม ก๋วยเตี๋ยว และของหวานพวกผลไม้ โยเกิร์ต แพนเค้ก และเมนูที่พลาดไม่ได้เลยคือ JW Signature French Toast ที่บอกเลยว่าอร่อยมาก ต้องลองจริงๆ
บรรยากาศภายในห้องอาหาร JW Cafe
ไลน์อาหารเช้า
เมนูหลากหลาย
นั่งทานอาหารเช้าพร้อมบรรยากาศดีๆ ริมทะเล
Egg Benedict (ซ้าย) และ JW Signature French Toast (ขวา)
Siam Deli
ห้องอาหารที่ให้บริการแบบ All-Day Dining ตลอดทั้งวันตั้งแต่เช้าถึงค่ำ ทั้งอาหารคาว หวาน ของว่าง เบเกอรี่ และเครื่องดื่ม โดยส่วนของอาหารมีทั้งอาหารฝรั่ง และอาหารไทย เรียกว่ามาทานเมนูง่ายๆ แบบอาหารจานเดียวกันได้ตลอดทั้งวัน อย่างเมนูที่เราลองสั่งมาก็มีทั้ง ฮอทดอก เบอร์เกอร์เนื้อ JW Signature Beef Burger และแซลม่อนอโวคาโด อร่อยทุกจานเลย ราคาก็ถือว่ากลางๆ ค่อนสูง ตามสไตล์ห้องอาหารภายในโรงแรม 5 ดาว แต่ว่า Portion นั้นใหญ่เลยทีเดียว คนไทยทานแล้วอิ่มแน่นอน
นอกจากนี้ พวกเมนูน้ำผลไม้สด และขนมเบเกอรี่ ของที่นี่ก็ถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ด้วยนะ แถมในช่วงเย็นของแต่ละวัน คือหลัง 20:30 น. เป็นต้นไปทางห้องอาหารยังมีโปรโมชั่นพิเศษ Happy Hour ลดราคา 50% ขนมเบเกอรี่ทุกชนิดอีกด้วย
เบอร์เกอร์เนื้อ (ซ้าย) และฮอทดอก (ขวา)
Benihana Japanese Steakhouse
หนึ่งในห้องอาหารไฮไลท์ของทางจดับบลิว แมริออท ภูเก็ต รีสอร์ทแอนด์สปา ต้องยกให้กับเบนิฮาน่า เจแปนนิส สเต็กเฮ้าส์ ห้องอาหารญี่ปุ่นในสไตล์เทปันยากิอันโดดดัง ที่ในประเทศไทยมีอยู่เพียง 4 สาขาเท่านั้น ซึ่งตั้งอยู่ในโรงแรมที่มีเจ้าของเป็นเครือ Minor ทั้งหมด คือที่โรงแรม Anantara Riverside Bangkok โรงแรม Avani Atrium Bangkok โรงแรม Avani Pattaya และสาขาล่าสุดคือที่ JW Marriott Phuket แห่งนี้ที่เพิ่งเปิดมาได้ครบปีหมาดๆ นี่เอง
เปิดให้บริการสำหรับมื้อกลางวัน และมื้อเย็น แนะนำแบบเป็นเซ็ทอิ่มอร่อยคุ้มกำลังดี มาพร้อมกับชุดเทปันยากิ ซุป สลัด และเครื่องเคียง โดยตัวเทปันยากิเราสามารถเลือกเนื้อสัตว์ได้ มีทั้งเนื้อวากิว หมูคุโรบุตะ ซี่โครงแกะ และหอยเชลล์ชิ้นโต แต่ถ้าใครสายเนื้อแนะนำเลย ดีงามมาก นุ่มอร่อย ให้เชฟทำแบบมีเดียมรสชาตินุ่มชุ่มฉ่ำมาก ส่วนเชฟก็โชว์สนุกไม่ต่างกันกับสาขาอื่นๆ ลีลาไฟลุกตื่นเต้าเร้าใจ แถมยังได้ให้เราออกไปทดลองเดาะไข่ไก่ด้วยตะหลิวกันอีกด้วย
ภายในห้องอาหารเบนิฮาน่า เจแปนนิส สเต็กเฮ้าส์
เมนู Sushi Roll อื่นๆ ที่เลือกสั่งได้เองเพิ่มเติม
The Fat Duck ข้าวห่อสาหร่ายแซลม่อนและตับห่าน
ลีลาโชว์การทำอาหารของเชฟ
Japanese Wagyu (ซ้าย) และ Japanese Scallops (ขวา)
ปิดท้ายเมนูของหวานด้วย Matcha Lava Cake
Cucina
ถ้าอยากมาทานอาหารในบรรยากาศของ Fine Dining แพร์กับเครื่องดื่มหลากหลายชนิด ขอแนะนำที่ห้องอาหารอิตาเลียน คูซิน่า ที่เปิดให้บริการในช่วงเย็น มีทั้งพวกพิซซ่าเตาถ่าน พาสต้า และอาหารอิตาเลี่ยนชนิดต่างๆ ที่เชฟเลือกใช้แต่วัตถุดิบระดับพรีเมี่ยมนำเข้า และวัตถุดิบสดใหม่จากท้องถิ่น เราได้ลองชิมแล้วรสชาติดีเลย อร่อยหลายจานมากๆ
สต็กปลากระพงอันดามันชิ้นโต
พิซซ่า (ซ้าย) และซุปหัวหอม ที่อร่อยเกินคาดมากๆ (ขวา)
พิซซ่าเตาถ่าน
พาสต้า
Sala Sawasdee Lobby Bar
ศาลา สวัสดี หรือก็คือบาร์ที่ตั้งอยู่ติดกับล็อบบี้ของทางโรงแรมในบรรยากาศเปิดโล่งริมบ่อน้ำ ช่วงเย็นจะสวยมากเพราะสามารถนั่งชมอาทิตย์ตกสะท้อนกับพื้นน้ำ พร้อมด้วยเครื่องดื่มหลากหลายชนิด และเมนูอาหารทั้งจานหนัก จานเบา เคล้าเครื่องดื่ม ยิ่งถ้าเป็นคืนวันหยุดสุดสัปดาห์จะมีดนตรีสดในช่วงหัวค่ำด้วย นักร้องเสียงดีมาก เป็นอีกหนึ่งมุมนั่งชิวยามเย็น หรือหลังอาหารค่ำที่เราชอบจริงๆ
มีทั้งเก้าอี้โซฟา มุมนั่งหน้าบาร์ และโต๊ะนั่งทานอาหาร
M Beach Club
ถือเป็นหนึ่งในบีชคลับริมทะเลที่ดีงามมากๆ ของหาดไม้ขาว บรรยากาศดี วิวสวย เปิดให้บริการตั้งแต่ช่วงกลางวันถึงค่ำ ถ้าจะให้แนะนำเราคิดว่าควรมาตั้งแต่ช่วงเย็นเพื่อนั่งชมวิวอาทิตย์ตกริมทะเลกันก่อน อาหารส่วนใหญ่เป็นสไตล์ฟิวชั่นทั้งไทยและฝรั่ง แบบคานาเป้ทานง่ายๆ พอดีคำ ส่วนช่วงสุดสัปดาห์จะมีการแสดงควงกระบองไฟให้ชมกันด้วย บรรยากาศดีมาก เป็นอีกห้องอาหารที่แนะนำจริงๆ ถ้าจะมาพักที่นี่ หรือถึงแม้จะเข้าพักโรงแรมอื่นๆ ในละแวกนี้ ทางห้องอาหารเค้าก็มีบริการรับ-ส่งด้วยรถบักให้ด้วยเช่นกัน
นั่งชมวิวอาทิตย์ตกริมหาดไม้ขาว
วิวสวยมาก บรรยากาศดีสุดๆ
เครื่องดื่มหลากหลายชนิดโดย Mixologists
อาหารแบบคานาเป้ ทานง่ายพอดีคำ
Lobster Roll (ชิ้นตรงกลาง) ดีงามมาก
การแสดงกระบองไฟ
บทสรุปของโรงแรมเจดับบลิว แมริออท ภูเก็ต รีสอร์ทแอนด์สปา คือหนึ่งในโรงแรมที่เราประทับใจมากๆ ในภูเก็ต เอาแค่ว่าก่อนที่จะมาเขียนรีวิวนี้เล่าให้เพื่อนๆ ฟังกันเราก็ได้ไปเยือนมาแล้วถึง 2 รอบด้วยกัน ดีงามสมกับการเป็นโรงแรมแถวหน้าจากเครือ Marriott คือดีทั้งเรื่องของสถานที่ ใหญ่โต โอ่อ่า สมมาตรฐานของโรงแรม ดีงาในเรื่องที่ตั้ง เพราะอยู่ติดทะเล กับชายหาดส่วนตัว แถมยังใกล้สนามบินภูเก็ต ไม่ต้องเหนื่อยนั่งรถนาน ดีงามทั้งการบริการ เจ้าหน้าที่ยิ้มแย้ม ใส่ใจให้บริการในทุกจุด รวมทั้งเรื่องอาหารการกินก็อร่อย มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันจนเราไม่ต้องเสียเวลาออกไปเที่ยวที่ไหนข้างนอกโรงแรมเลย คือได้มาพักผ่อนที่เป็นการพักผ่อนจริงๆ ถ้ามีโอกาสได้มาเยือนอีกเราก็จะเลือกกลับมาพักที่นี่อย่างแน่นอน
ยิ่งตอนนี้ยังมีโปรโมชั่นของเราเที่ยวด้วยกันอยู่ด้วย ใครจะมารีบจองเลย
JW Marriott Phuket Resort & Spa
โทร 076-338-000
ที่อยู่ 231 Moo 3 Mai Khao, Talang, Phuket, 83110 Thailand
จองห้องพัก JW Marriott Phuket Resort & Spa ราคาพิเศษได้ที่นี่
เปรียบเทียบราคาจาก Agoda
เปรียบเทียบราคาจาก Booking
Comentários