ใครอยากลอง Caviar มาทางนี้ Copper Buffet เค้าจัดเต็มส่งท้ายปลายปี ตอกย้ำจุดยืนพรีเมียมบุฟเฟ่ต์อันดับหนึ่งในใจของใครหลายๆคน (รวมทั้งเราด้วย) กับครั้งแรกในประเทศไทยที่ทางร้านกล้านำ “คาเวียร์” อิมพอร์ตมาเสิร์ฟให้เราได้ทานกันถึงในร้าน
งานนี้ต้องเรียกว่า Exclusive จริงๆ สำหรับใครที่อยากลองทานคาเวียร์ สุดยอดวัตถุดิบชั้นเลิศจากทะเลกันดูสักครั้ง เพราะเป็นที่รู้กันดีว่ามีราคาสูงมากกกกกกกกกก นิยมเสิร์ฟกันในภัตตราคาร โรงแรม 5 ดาว หรือบนชั้นเฟิร์สคลาส
แต่รอบนี้ไม่ต้องไปไหนไกล มาที่คอปเปอร์ก็มีให้ทานกันยาวๆ ตลอดสองเดือนเต็ม (Dec 20 - Jan 21) กับ Special Caviar Box Set ที่ทางร้านร่วมมือกับ Kaviari ผู้ผลิตคาเวียร์ชั้นนำระดับโลกจากประเทศฝรั่งเศส นำสเตอร์เจียนสายพันธุ์ Kristal Caviar มาให้บริการ ซึ่งเป็นเกรดเดียวกันกับที่เชฟมิชลินสตาร์ชื่อดังระดับโลกหลายคนเลือกใช้
โดยทางร้านจะให้บริการเป็น Set ที่ประกอบไปด้วยบ๊อกเซตสั่งทำพิเศษสำหรับร้านคอปเปอร์เท่านั้น (บอกแล้วว่า Exclusive จริง) เสิร์ฟมาในภาชนะน้ำแข็งเพื่อคงรสชาติและความสดของวัตถุดิบ พร้อมด้วยเครื่องเคียง 5 ชนิดที่เหมาะสำหรับทานคู่กัน ได่แก่ ซอสมะม่วงเสาวรส (สเปรด) หอมแดง ไข่ขาว ไข่แดง แลพซาวครีม รวมทั้งขนมปังบริยอช (Sliced Brioche)
ภายในบ๊อกเซตบรรจุคาเวียร์มาขนาด 15 กรัม ซึ่งเหมาะสำหรับทาน 2 ท่าน (ปกติตามภัตตราคารต่างๆ จะนิยมเสิร์ฟคาเวียร์อยู่ที่ราว 7 กรัม) เวลาทานให้ใช้ช้อนสีดำที่ให้มาในการตัก หรือช้อนมุก ห้ามใช้ช้อนโลหะเด็ดขาด เพราะรสสัมผัสของโลหะจะทำให้เสียรสชาติ
สำหรับคำแรกเราขอแนะนำให้ทานคาเวียร์เปล่าๆ กันดูก่อนเพื่อดื่มด่ำกับรสสัมผัสจริงๆ ของคาเวียร์ โดยตักมาวางไว้ด้านบนของอุ้งมือ (ระหว่างนิ้วโป้งและนิ้วชี้) และค่อยนำเข้าปาก เนื่องจากบริเวณดังกล่าวเป็นพื้นผิวส่วนที่ไม่มีรสชาติ และสามารถมองเห็นสีสันของคาเวียร์ได้อย่างชัดเจน ซึ่งหลังจากชิมแล้ว รสสัมผัสที่ได้จะประกอบไปด้วย 3 มิติด้วยกัน คือ สัมผัสแรกให้รสชาติความเค็มของเกลือทะเล (Sea Salt) ซึ่งเป็นวัตถุดิบในการหมัก จากนั้นจะได้ความรู้สึกมันๆ แบบ Creamy ของไข่ปลา จากนั้นดื่มด่ำไปกับ After Tast ของกลิ่นอัลมอนด์จางๆ ปิดท้ายที่รับรองเลยว่าลืมไม่ลงแน่ๆ
ส่วนในคำต่อๆ ไปจะลองทานคู่กับเครื่องเคียงที่ให้มาดูก็เข้ากันดี โดยจะผสมทั้ง 5 อย่างเลย หรือแค่เฉพาะอย่างที่ชอบก็ไม่ผิดแต่ประการใด โดยในรัสเซียคนจะนิยมทานคาเวียร์คู่กับเครื่องดื่มอย่างวอดก้า ส่วนทางยุโรปจะนิยมทานคู่กับไวน์หรือแชมเปญที่ให้รสสัมผัสไปทางดราย (Brut)
หลังจากได้ทานแล้วบอกเลยว่าประทับใจมาก มันปลื้มปริ่ม แบบค่อยๆ ทานไม่ต้องรีบ ละเอียดละไมไปกับรสชาติ ถือว่าคุ้มค่ากับประสบการณ์สุดพิเศษที่ทางคอปเปอร์รังสรรค์มาให้คนไทยได้ลิ้มลองกันในราคาที่สัมผัสได้สมกับสโลแกนของทางร้านที่ว่า Only The Finest จริงๆ
เอาเป็นว่าถ้าใครอยากลองก็ตรวจสอบโปรโมชั่นกันตามนี้ได้เลย Exclusive Promotion Kaviari Kristal Caviar From France ระหว่าง Dec 2020 - Jan 2021
โปรสำหรับ Copper Member Card
ทานบุฟเฟต์ 999 มา 10 ที่รับฟรี 1 Set มูลค่า 2,500 บาท
(*งดส่วนลด หรือสมาชิกสามารถ แลกซื้อ Caviar 1 set ได้ในราคา 2,500 บาท)
*หมายเหตุ :
โปรโมชั่นนี้สำหรับทานบุฟเฟต์ภายในร้านเท่านั้น
พร้อมดีลสุดพิเศษ Hungry Hub 'Caviar experience' สามารถสำรองที่นั่งได้ในราคาแพคเกจเดี่ยว 2,599/1 Set สำหรับ 1 ท่าน และราคาแพคคู่ 3,699 / 1 Set สำหรับ 2 ท่าน รวมราคาบุฟเฟ่ต์และ Caviar Set เรียบร้อยแล้ว
รู้หรือไม่ คาเวียร์คืออะไร
คาเวียร์ เป็นไข่ของปลาสเตอร์เจียน (ไม่มีปลาพันธุ์คาเวียร์นะ) ที่หมายถึง “ไข่ปลาปรุงรส” โดยกรรมวิธีการทำคือนำไข่ปลามาหมักกับเกลือและทำการ Aging อย่างน้อยเป็นเวลา 3 เดือนโดย Caviar Master ก่อนนำมาใส่แพ็คเกจเพื่อออกวางขาย
ทำไมถึงแพง?
ปลาสเตอร์เจียนชั้นเลิศมาจากทะเลสาบแคสเปียน ซึ่งมีพรมแดนติดกับประเทศใหญ่ๆ อย่างรัสเซีย (หนึ่งในประเทศที่นิยมทานคาเวียร์) และอิหร่าน (คำว่าคาเวียร์มาจากภาษาเปอร์เซีย)
ซึ่งแต่ก่อนปลาสเตอร์เจียนถูกล่ามาบริโภคกันจนเกือบสูญพันธุ์ ดังนั้นในปัจจุบันจึงต้องทำการเพาะเลี้ยงแบบฟาร์มแทน โดยปลาที่จะนำมาทำคาเวียร์ได้ต้องมีอายุ 7 ปีขึ้นไปจนถึง 20 ปี (ยิ่งโตยิ่งแพง) ซึ่งกว่าจะเพาะพันธุ์และเลี้ยงจนโตได้ต้องใช้ทั้งเวลาและค่าใช้จ่ายมหาศาล เพราะต้องใส่ใจทั้งเรื่องอาหาร อุณหภูมิ ความเค็มของน้ำให้มีความเหมาะสม เรียกว่าต้องฟูมฟักกันอย่างดีเลยทีเดียว แถมผลผลิตในแต่ละปีก็มีน้อยและไม่สามารถการันตีได้ 100% ดังนั้น จากความเสี่ยงที่กล่าวมาจึงเป็นคำตอบว่าทำไมคาเวียร์ถึงมีราคาที่แพงมากนั่นเอง
Comments