รีวิว Banyan Tree Krabi พักโรงแรมหรูสไตล์พูลวิลล่าแห่งหาดทับแขกที่บันยันทรี กระบี่
เป็นที่รู้กันดีว่าหาดทับแขกนั้นเป็นชายหาดที่สวยงามและเงียบสงบ ถือเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกดินที่สุดแห่งหนึ่งในจังหวัดกระบี่ และในโอกาสนี้เอง On The Jet Plan จึงอยากขอพาเพื่อนๆ ออกเดินทางไปพักผ่อนกันที่บันยันทรี กระบี่ (Banyan Tree Krabi) โรงแรมหรูสไตล์พูลวิลล่าแห่งล่าสุดของหาดทับแขก สวยยืนหนึ่งด้วยการออกแบบตกแต่งที่ผสมผสานความหรูหราทันสมัยเข้ากับแรงบันดาลใจในเรื่องราวของตำนานพญานาคแห่งเขาหงอนนาค จังหวัดกระบี่ พร้อมด้วยบริการอันน่าประทับใจ จนออกมาเป็นโรงแรมหรูระดับลักชัวรี่ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นไม่เหมือนใคร
ถ้าอยากรู้ว่าโรงแรมบันยันทรี กระบี่ จะน่ามาพักผ่อนมากแค่ไหน ตามรอยเราไปบุกถ้ำมกรตด้วยกันในรีวิวนี้เลยดีกว่า ^^
หมายเหตุ: ภาพในรีวิวเกือบทั้งหมดถ่ายจากโทรศัพท์มือถือ
จองห้องพัก Banyan Tree Krabi ราคาพิเศษได้ที่นี่
เปรียบเทียบราคาจาก Agoda (เราเที่ยวด้วยกัน)
เปรียบเทียบราคาจาก Booking
โรงแรมบันยันทรี กระบี่ ถือเป็นโรงแรมหรูสไตล์พูลวิลล่าระดับ 5 ดาวจากเครือบันยันทรี เชนโรงแรมและรีสอร์ทระดับโลกจากประเทศสิงคโปร์ที่เพิ่งเปิดให้บริการเมื่อปลายปี 2563 ที่ผ่านมา โดยโรงแรมแห่งนี้ถือเป็น Property แห่งแรกในจังหวัดกระบี่ของบริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของไทย และยังเป็นโรงแรมระดับลักชัวรี่จากเชนระดับโลกในรอบกว่าทศวรรษที่มาเปิดให้บริการในจังหวัดกระบี่อีกด้วย บอกเลยว่าหรูหราสวยงามน่ามาพักมาก
โดยตัวโรงแรมตั้งอยู่สุดชายหาดทับแขกติดกับเขาหงอนนาค อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี ห่างจากสนามบินนานาชาติกระบี่ 38 กิโลเมตร ซึ่งใช้เวลาเดินทางประมาณ 45 นาทีด้วยกัน (แถวนี้ไม่มีร้านเซเว่นนะ จะซื้ออะไรแนะนำให้ซื้อเข้ามาเลย)
รู้หรือไม่ โรงแรมบันยันทรี แห่งแรกของโลกถือกำเนิดขึ้นที่ภูเก็ต ประเทศไทย ในปี ค.ศ. 1994 จากปรัชญาของแบรนด์ที่ให้ความสำคัญกับต้นไทรในฐานะต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์และเป็นหัวใจของหมู่บ้านรวมถึงชุมชนหลายแห่งในทวีปเอเชีย สู่แหล่งพักอาศัยและสถานที่หลบภัยสำหรับผู้เดินทาง จนก่อนเกิดเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างแบรนด์บันยันทรีด้วยแนวคิด A Sanctuary for The Senses ที่พร้อมมอบการพักผ่อนอันเงียบสงบร่มเย็นให้แก่แขกผู้มาเยือน โดยในปัจจุบันประเทศไทยมีโรงแรมบันยันทรีทั้งหมด 4 แห่ง ด้วยกัน ได้แก่ กรุงเทพฯ ภูเก็ต เกาะสมุย (AWC) และกระบี่ (AWC)
เมื่อเดินทางมาถึงโรงแรมบอกเลยว่าว๊าวมากจริงๆ เพราะบริเวณล็อบบี้สวยงามมาก เปิดโล่งแบบ Open-air ที่มีไฮไลท์เป็นทางเดินบันไดลงสู่ถ้ำใต้บาดาลและวิวสุดอลังการของทะเลกระบี่และป่าเกาะเบื้องหน้าที่พร้อมต้อนรับแขกผู้มาเยือน ถือเป็นหนึ่งในวิวล็อบบี้โรงแรมที่สวยงามเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศไทยก็ว่าได้ โดยทาง Banyan Tree Host จะพาเราเข้าไปนั่งรอภายในห้องรับรอง พร้อมเสิร์ฟเครื่องดื่ม Welcome Drink ให้ระหว่างรอการเช็คอิน ใช้เวลาไม่นานนักก็ได้ Key Card เรียบร้อย พร้อมไปห้องพัก
โรงแรมบันยันทรี กระบี่ ตั้งอยู่บนพื้นที่ขนาด 26 ไร่ ที่กว้างขวางมาก หน้าชายหาดยาวกว่า 300 เมตรได้ รวมถึงยังเป็นโรงแรมแห่งสุดท้ายสุดหาดทับแขก ติดกับเขาหงอนนาค จึงค่อนข้างเงียบสงบมีความเป็นส่วนตัวสูง ได้รับการออกแบบในคอนเซ็ป The Land of The Great Naga ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากความเชื่อของคนท้องถิ่นเรื่องตำนานพญานาคแห่งเขาหงอนนาคที่แฝงอยู่ในทุกอณูของการตกแต่งภายในโรงแรม ไม่ว่าจะเป็นล็อบบี้โรงแรมที่เปรียบเสมือนเป็น Reception of The Naga บันไดพญานาคทางเดินลงสู่เมืองมรกตใต้บาดาล โต๊ะนาคที่เป็นหินสีทองและไข่นาคตั้งโดดเด่นอยู่ใจกลางล็อบบี้ พร้อมด้วยโคมไฟหินมรกตที่เปรียบดั่งแชนเดอเลียร์ห้อยลงมาจากบนเพดาน ซึ่งสามารถพบเห็นได้อยู่ทั่วทั้งโรงแรม รวมถึงภายในห้องพักของเราด้วยเช่นกัน
การตกแต่งส่วนใหญ่ในโรงแรมเน้นโทนสีขาวสะอาดตาน่าพักผ่อน ดูแตกต่างจากโรงแรมบันยันทรีแห่งอื่นๆ เพราะออกแบบมาตอบโจทย์นักท่องเที่ยวในยุคปัจจุบันที่เป็นกลุ่ม Young Generation มากยิ่งขึ้น มีมุมถ่ายรูปหลากหลายจุดถูกใจสาย Instagramer แน่นอน
Welcome Drink
บรรยากาศที่ล็อบบี้ช่วงเย็น
Room Type
ห้องพักของโรงแรมบันยันทรี กระบี่ มีทั้งหมด 72 ห้องด้วยกัน เป็นแบบสวีทหรือวิลล่าที่ทุกห้องพร้อมสระว่ายน้ำส่วนตัวทั้งหมด สามารถแบ่งออกได้เป็น 9 ประเภทด้วยกัน ได้แก่
Deluxe Pool Suite (99 ตารางเมตร) วิวสวน
Deluxe Garden Pool Suite (129 ตารางเมตร) ชั้นพื้นดิน มีพื้นที่สวน
Partial Ocean Pool Suite (99 ตารางเมตร) วิวทะเลบางส่วน
Premium Ocean Pool Suite (99 ตารางเมตร) ชั้นบนสุด วิวทะเลเต็มตา
Wellbeing Sanctuary Pool Suite (129 ตารางเมตร) ชั้นพื้นดิน มีพื้นที่สวน พร้อมแพ็คเกจ Wellbeing
Two Bedroom Ocean Pool Suite (213 ตารางเมตร) ชั้นบนสุด 2 ห้องนอน วิวทะเลเต็มตา
Beachfront Pool Villa (204 ตารางเมตร) พูลวิลล่า 1 ห้องนอน
Two Bedroom Beachfront Pool Villa (387 ตารางเมตร) พูลวิลล่า 2 ห้องนอน ริมหาด
Presidential Beachfront Pool Villa (587 ตารางเมตร) พูลวิลล่า 3 ห้องนอน ริมหาด
หรือถ้าจะอธิบายให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือกลุ่มห้องพักประเภท Pool Suite ใน 5 ประเภทแรกจะมีหน้าตาและการตกแต่งภายในเหมือนกันแทบทั้งหมด ตั้งอยู่บนอาคาร แตกต่างกันที่ตำแหน่งที่ตั้งของห้องเพียงเท่านั้น คือ ห้อง Deluxe Pool Suite จะตั้งอยู่โซนด้านล่างๆ อาจมีวิวต้นไม้บังมองไม่เห็นทะเล ห้อง Deluxe Garden Pool Suite ตั้งอยู่ชั้นพื้นดิน จะมีพื้นที่ใช้สอยมากกว่าเพราะว่าได้พื้นที่สวนบริเวณหน้าห้องเพิ่มเข้ามา ส่วนห้อง Partial Ocean Pool Suite ตั้งอยู่สูงขึ้นมาหน่อย สามารถมองเห็นวิวทะเลได้บางส่วน และห้อง Premium Ocean Pool Suite จะเป็นห้องที่ตั้งอยู่ชั้นบนสุดของอาคาร วิวสวยสุดมองเห็นทะเลได้เต็มตาไม่มีหลังคาบัง ส่วนห้อง Wellbeing Sanctuary Pool Suite นั้นก็คือห้องแบบเดียวกันกับ Deluxe Garden Pool Suite นั้นแหละ ตั้งอยู่ชั้นพื้นดิน มีสวน เพียงแต่ว่าจะมาพร้อมกับแพ็คเกจ Wellbeing เช่น อาหารเช้าเพื่อสุขภาพ ชุด Daily Afternoon Nutrition Platter ชุด Wellbeing Amenities รวมถึงโปรแกรมกิจกรรมเพื่อสุขภาพต่างๆ
ต่อมาคือห้อง Two Bedroom Ocean Pool Suite จะเป็นห้องที่ตั้งอยู่ชั้นบนสุดของอาคารแบบเดียวกันกับ Premium Ocean Pool Suite เห็นวิวทะเลเต็มตา แต่ว่าจะมาพร้อมพื้นที่ขนาดใหญ่กว่ามาก ประกอบด้วย 2 ห้องนอน พร้อมห้องนั่งเล่น และสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ขึ้น
และกลุ่มสุดท้ายคือห้องพักประเภท Pool Villa ที่จะตั้งอยู่โซนด้านล่างสุดใกล้กับชายหาด ประกอบไปด้วย Beachfront Pool Villa ขนาด 1 ห้องนอน พร้อมห้องนั่งเล่น โดยโซนที่ตั้งตรงนี้จะมีคลองเล็กๆ ที่คั่นกลางระหว่างตัววิลล่าและชายหาด ต่อมาคือห้องแบบ Two Bedroom Beachfront Pool Villa ที่มี 2 ห้องนอน พร้อมห้องนั่งเล่น ตั้งอยู่ติดชายหาด และสุดท้ายคือห้อง Presidential Beachfront Pool Villa เพียงหนึ่งเดียวของโรงแรม ใหญ่สุด กว้างขวางสุด มีพื้นที่ 2 ชั้น 3 ห้องนอน พร้อมห้องนั่งเล่น ตั้งอยู่ติดชายหาดเช่นกัน มีประตู Connect ระหว่างวิลล่าที่สามารถเชื่อมต่อวิลล่าทั้ง 3 หลังให้กลายเป็นบ้านหลังใหญ่ขนาด 7 ห้องพักได้ในคราวเดียว
Premium Ocean Pool Suite
ในทริปนี้เราเลือกพักแบบ Premium Ocean Pool Suite ขนาด 99 ตารางเมตร ที่สามารถมองเห็นวิวทะเลได้จากห้องพัก ตั้งอยู่บริเวณชั้นบนสุดของแต่ละอาคาร เปิดโล่งดูโปร่งไม่อึดอัด (อาจมีต้นไม้บังนิดหน่อย ขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่ตั้งของห้อง) โดยการตกแต่งภายในของโรงแรมเน้นโทนสีขาวดูสว่างสบายตา พร้อมแฝงไปด้วยกลิ่นอายที่สื่อถึงเรื่องราวของพญานาค อาทิ ลายเกล็ด หรือเกลียวคลื่นที่พริ้วไหว พร้อมด้วยโคมไฟสีเขียวมรกต
พื้นที่ภายในห้องสามารถแบ่งออกได้เป็น 4 ส่วนหลักๆ คือ ส่วนของห้องนอนที่มาพร้อมโซฟานั่งเล่น มินิบาร์ ส่วนห้องเก็บเสื้อผ้าและกระเป๋าเดินทาง ส่วนของห้องน้ำที่แยกเป็นโซนเปียก โซนแห้ง และอ่างแช่น้ำ และสุดท้ายคือส่วนสระว่ายน้ำด้านนอก ที่มีทั้งสระขนาดเล็ก บ่อจากุซซี่ และเก้าอี้นั่งเล่นอาบแดด
ภายในห้องพักก็มีสิ่งอำนวยความสะดวกมาให้ครบครัน ไม่ว่าจะเป็น Smart TV ที่สามารถ Chromecast จากมือถือของเราขึ้นจอทีวีได้ ลำโพงบลูทูธของ JBL ช่อง USB สำหรับชาร์ทมือถือ ส่วนมินิบาร์ (เสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม) มาพร้อมกับแก้วเครื่องดื่มชนิดต่างๆ ให้ครบครัน เครื่องทำกาแฟ Nespresso และแคปซูลกาแฟของบันยันทรีเอง รวมถึงตะเกียงน้ำมันหอมระเหยที่จะเปลี่ยนกลิ่นไปเรื่อยๆ ไม่ซ้ำกันตลอด 7 วันในสัปดาห์ (หากชอบกลิ่นไหนสามารถไปซื้อกลับบ้านได้ที่ Shop ของสปา)
เรียกว่าเป็นห้องพักขนาด 99 ตารางเมตร ที่วิวดี พร้อมอัดสิ่งอำนวยความสะดวกที่ถูกจริตนักท่องเที่ยวสมัยใหม่มาอย่างครบครัน สามารถมาพักผ่อนสบายๆ นอนเล่นใช้ชีวิตในห้องพักได้ตลอดทั้งวัน
โดยระหว่างการเข้าพัก ทางเจ้าหน้าที่จะให้เรา Add Line ของทางโรงแรมเอาไว้ หากต้องการอะไรก็สามารถ Chat คุยกับ Banyan Tree Host ที่เปรียบเสมือนเป็นบัทเลอร์ส่วนตัวคอยให้บริการระหว่างการเข้าพักได้ตลอด 24 ชั่วโมง ไม่ว่าจะเป็นการเรียกรถ Buggy ให้มารับมาส่ง สั่งอาหาร จองแพ็คเกจท่องเที่ยว หรือสอบถามข้อมูล ฯลฯ
สระและวิวทะเลจากห้องพัก
ภายในห้องพักมีเพดานยกสูงและพัดลม ดูโปร่งไม่อึดอัด
อ่างแช่น้ำภายในห้อง
ห้องเก็บเสื้อผ้าและกระเป๋าเดินทาง
ลำโพงบลูทูธ (ซ้าย) ตะเกียงน้ำมันหอมระเหย (ขวาบน)
มินิบาร์
แผนที่โรงแรมบันยันทรี กระบี่
ส่วนของห้องน้ำ และห้องนอน
ภายในห้องน้ำ
ห้องน้ำ และห้องอาบน้ำแบบเรนชาวเวอร์
ผลิตภัณฑ์ภายในห้องน้ำเป็นแบบเติม ช่วยลดการใช้บรรจุภัณฑ์ประเภทสิ้นเปลือง และส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน
เครื่องใช้ภายในห้องน้ำ (ขวา)
ส่วนสระว่ายน้ำด้านนอกห้องพัก มาพร้อมกับโซฟานั่งเล่น และเก้าอี้อาบแดด ซึ่งสระทุกห้องของโรงแรมจะเป็นระบบเกลือทั้งหมด ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่า แต่เหมือนว่าสระน้ำจะมีการควบคุมอุณหภูมิ เพราะลงว่ายน้ำเวลาไหนก็รู้สึกว่าอุณหภูมิน้ำกำลังดีตลอด ไม่เย็น ไม่ร้อน ส่วนบ่อบ่อจากุซซี่กลางแจ้งมีขนาดสำหรับนั่งแช่ได้ 2 คนพอดี อันนี้ก็จะน้ำเย็นสบายอยู่ตลอดเวลา พร้อมด้วย Water Jet ช่วยนวดหลัง
บ่อจากุซซี่ (ซ้าย) สระว่ายน้ำขนาดเล็ก (ขวา)
ช่วงเย็นบรรยากาศในห้องพักดีงามมาก เพราะทุกห้องหันหน้าไปทางทิศตะวันตกทั้งหมด สามารถมองเห็นบรรยากาศพระอาทิตย์ตก และวิวของป่าเกาะได้จากตรงนี้เลย เป็นอีกหนึ่งช่วงเวลาพิเศษที่เหมาะจะมานั่งชมวิวพร้อมจิบเครื่องดื่มเย็นๆ ภายในห้องพักกันก่อนที่จะไปทานอาหารค่ำ
วิวสวยๆ กับเครื่องดื่มดีๆ เข้ากับบรรยากาศเป็นที่สุด
ฟ้าระเบิดสวยงามมาก
รู้สึกว่าทางโรงแรมใส่ใจดี เพราะตลอดเวลาที่เข้าพักไม่เจอเจ้าหน้าที่เข้ามาทำห้องให้เลย เดาว่าทางโรงแรมน่าจะคอยเช็คเวลาที่เราเรียกรถ Buggy มารับออกไปทานข้าว และค่อยให้เจ้าหน้าที่เข้ามาดำเนินการ เพราะหลังจากทานข้าวเย็นกลับมา ในห้องพักก็ Turn Down ให้เรียบร้อยแล้ว ซึ่งขนมและของที่ระลึกที่วางเอาไว้ให้บนเตียงจะเปลี่ยนไปไม่ซ้ำกันเลยสักวัน อย่างวันแรกได้เป็นตุ๊กตาน้องเต่า เพราะทางโรงแรมบันยันทรี กระบี่ มีโครงการอนุรักษ์เต่าทะเลร่วมกับทางหน่วยงานภาครัฐ ส่วนวันที่สองได้เป็น Sleep Enhancer Spray กลิ่นหอม ชอบมาก ส่วนวันสุดท้ายก่อนกลับได้เป็นถุงผ้าลายบันยันทรีสำหรับใส่เสื้อผ้ากลับบ้าน
ถุงผ้าสำหรับใส่ของไปเดินเล่นชายหาดที่ทางโรงแรมเตียมไว้ให้ใช้ระหว่างการเข้าพัก
มีรองเท้าแตะให้พร้อม ไม่ต้องเตรียมมาก็ได้
บริเวณทางเดินหน้าห้องพัก
Facility
พื้นที่ส่วนกลางของโรงแรมบันยันทรี กระบี่ ถือว่ากว้างขวาง ประกอบไปด้วย
สระว่ายน้ำ
Main Swimming Pool สระว่ายน้ำหลักสำหรับผู้ใหญ่
Kids Swimming Pool สระว่ายน้ำเด็ก
ชายหาด และกิจกรรมกลางแจ้ง (Recreation Activity)
Kids Club
Banyan Tree Spa
Fitness Centre
Main Swimming Pool
สระว่ายน้ำหลักของโรงแรมบันยันทรี กระบี่ ที่เป็นสระเกลือแบบ Saltwater Cchlorinated Pool ตั้งอยู่ริมชายหาด บรรยากาศดีสามารถมองเห็นวิวทะเลได้ ช่วงที่ไปพักพอเห็นคนมาว่ายน้ำบ้างนิดหน่อยช่วงเย็นๆ แต่ไม่ค่อยเยอะ เดาว่าส่วนใหญ่คงอยากว่ายน้ำที่สระส่วนตัวในห้องพักกันมากกว่า
Main Swimming Pool บรรยากาศดีริมทะเล
ตั้งอยู่ติดกับห้องอาหาร สามารถสั่งเครื่องดื่มเย็นๆ มาทานริมสระได้
Kids Swimming Pool (ซ้าย) Main Swimming Pool (ขวา)
Kids Swimming Pool
สระเด็กที่เรียกได้ว่าเป็นส่วนน้ำไซค์มินิ มีเครื่องเล่น สไลเดอร์ และเก้าอี้อาบแดดขนาดเล็กให้คุณหนูๆ ได้มาสนุกกัน ตั้งอยู่ติดกับ Kids Club เลย
ชายหาด และกิจกรรมกลางแจ้ง (Recreation Activity)
โรงแรมบันยันทรี กระบี่ ตั้งอยู่บนหาดทับแขก หนึ่งในชายหาดที่สวยที่สุดของจังหวัดกระบี่ และยังเป็นโรงแรมแห่งสุดท้ายสุดหาดทับแขกติดกับอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี ดังนั้นบริเวณชายหาดหน้าโรงแรมจึงเปรียบเสมือนเป็น Semi Private Beach ที่ค่อนข้างมีความเป็นส่วนตัวสูงจนแทบจะไม่มีนักท่องเที่ยวจากข้างนอกเดินตัดผ่านชายหาดหน้าโรงแรมเลย
โดยชายหาดบริเวณนี้เป็นพื้นสโลปสามารถเล่นน้ำได้ มีโขดหินบ้างนิดหน่อย แนะนำให้เล่นน้ำห่างๆ โขดหิน ช่วงน้ำลงสามารถลงไปเดินเล่นถ่ายรูปได้ไกลเลย ส่วนวันไหนเล่นน้ำได้หรือไม่ได้ ก็คอยสังเกตุจากสีธงที่เจ้าหน้าที่โรงแรมชักขึ้นเสาในแต่ละวัน
นอกจากนี้ ทางโรงแรมยังมีกิจกรรมกลางแจ้งเอาไว้ให้บริการแขกที่มาพักอีกด้วย สามารถใช้บริการได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ทั้ง เรือคายัค แพดเดิ้ลบอร์ด รวมทั้งกิจกรรมต่างๆ ในตอนเช้าที่จะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ในแต่ละวัน เช่น คลาสโยคะ ไทเก๊ก คลาสฟิตเนส พิลาทิส ต่อยมวย ฯ
บริเวณชายหาดยามเช้า หากใครอยากไปเที่ยวเกาะห้อง ก็สามารถจองแพ็คเกจจากทางโรงแรมได้เลย (มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม) อยู่ใกล้มากทริปครึ่งวันจบ มีเรือมารับและส่งกลับถึงหน้าชายหาดของโรงแรม
หาดสวย เงียบสงบ น่ามาเล่นน้ำมาก
แพดเดิ้ลบอร์ด
เรือคายัคท้องใส
วิวหมู่เกาะห้องฝั่งตรงข้ามโรงแรม
คลาสโยคะยามเช้า สามารถเข้าร่วมได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
Kids Club
คิดส์คลับของทางโรงแรมมีทั้งภายในห้องแอร์ และเอาท์ดอร์ รวมทั้งโต๊ะปิงปอง โดยตั้งอยู่ข้างๆ กันกับสระว่ายน้ำของเด็กเลย น่าจะถูกใจคุณหนูๆ แน่นอน
Banyan Tree Spa
เป็นที่รู้กันดีกว่าบันยันทรี สปา ของเครือโรงแรมบันยันทรีเค้ามีชื่อเสียงมาก โดยที่นี่มีห้องทรีทเมนต์ทั้งหมด 8 ห้อง พร้อมทั้งไฮไลท์เป็น The Rainforest ที่เป็นสปาน้ำแบบวารีบำบัดจำนวน 6 ชนิดด้วยกัน ให้บริการในห้องส่วนตัวขนาดใหญ่ในธีมคล้ายกับถ้ำพญานาคใต้บาดาล มีค่าบริการอยู่ที่ 1,500 บาท/คน/ชั่วโมง
แต่ในครั้งนี้เราเลือกใช้บริการเป็นคอร์สทรีทเมนต์แบบอโรม่า 90 นาทีด้วยกัน Therapist ให้บริการดีมาก นวดสบายจนไม่อยากให้จบคอร์สเลย ซึ่งถ้าใครชอบพวกกลิ่นน้ำมันหรือผลิตภัณฑ์บำรุงผิวต่างๆ ที่ใช้ภายในสปาของบันยันทรี ก็สามารถไปซื้อได้ที่ Shop ของทางโรงแรม
เครื่องดื่มต้อนรับก่อนเริ่มทรีทเมนต์
ภายในห้องทรีทเมนต์
บันยันทรี สปา
จะไปไหนมาไหนภายในโรงแรม ก็สามารถเรียกใช้บริการรถ Buggy ได้ตลอด เพราะแต่ละจุดก็ค่อนข้างห่างกันพอสมควร
บรรยากาศยามเย็น
ในช่วงเย็นเราสามารถชมพระอาทิตย์ตกได้จากแทบจะทุกจุดในโรงแรม เพราะว่าตัวโรงแรมนั้นหันหน้าไปทางทิศตะวันตกพอดี จะมาชมที่ริมหาด หรือในห้องพักของเราเองก็ได้ แต่หนึ่งในมุมไฮไลท์ที่ห้ามพลาดเลยก็คือบริเวณล็อบบี้ของโรงแรม ซึ่งเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยงามที่สุดและเป็นมุมซิกเนเจอร์ที่ใครเห็นก็รู้ได้เลยว่าคือที่ไหน สามารถเห็นวิวของป่าเกาะและพระอาทิตย์ตกดินจากบริเวณบันไดทางเดินได้พร้อมๆ กัน
ชมพระอาทิตย์ตกดินที่ล็อบบี้โรงแรม
Restaurant
ห้องอาหารและบาร์ของโรงแรมบันยันทรี กระบี่ มีทั้งหมด 4 แห่งด้วยกัน ซึ่งถือว่าเพียงพอกับขนาดของโรงแรมที่มีห้องสวีทและวิลล่าจำนวนเพียง 72 ห้องเท่านั้น ทำให้แขกมีจำนวนไม่เยอะมาก มื้อเช้าไม่ค่อยจอแจ ส่วนถ้าใครอยากได้ความเป็นส่วนตัวก็ใช้บริการ In-Room Dining สั่งไปทานที่ห้องพักได้เปิดตลอด 24 ชั่วโมง สำหรับห้องอาหารและบาร์ในโรงแรมประกอบด้วย
The Naga Kitchen - ห้องอาหารนานาชาติ
Saffron - ห้องอาหารไทย
Kredkaew Bar - บาร์ริมทะเล
Bird's Nest - ที่นั่งพิเศษแบบรังนก
สำหรับโซนห้องอาหารและบาร์ทั้ง 4 แห่งของทางโรงแรมจะอยู่ใกล้ๆ กันทั้งหมด สามารถเดินเชื่อมต่อถึงกันได้เลย
The Naga Kitchen
ห้องอาหารหลักของทางโรงแรมที่ให้บริการอาหารไทยและอาหารฝรั่งในรูปแบบ All Day Dining รวมถึงบริการบุฟเฟ่ต์มื้อเช้า ภายในห้องอาหารตกแต่งสวยงาม เพดานสูงโปร่ง มองเห็นวิวของสระว่ายน้ำหลักและวิวทะเล สำหรับไลน์อาหารเช้านั้นถือว่ามีขนาดไม่ใหญ่มากนัก พอเหมาะกับจำนวนห้องพักที่มีไม่เยอะเท่าไหร่ แต่ว่าเมนูหลักๆ มีครบครัน ใช้ของดี รสชาติโอเค ไม่ว่าจะเป็น สลัด แฮม ชีส เบค่อน โคลคัท แซลม่อนรมควัน มากิ พาสต้า ไข่แบบต่างๆ ขนมปังหลากชนิด ผลไม้ ไอศครีม และอาหารเช้าแบบไทยๆ ทั้งหมูปิ้ง ขนมจีนน้ำยา ขนมปังปิ้ง
ส่วนเครื่องดื่มมีเมนูเลือกสั่งได้หลากหลาย ทั้ง ชา กาแฟ น้ำผลไม้คั้นสด มะพร้าวสดเสิร์ฟเป็นลูกหยิบได้เรื่อยๆ รวมถึงพวกกาแฟโคลด์ บรูว์ Sparkling Water และ Free Flow Sparkling Wine (Prosecco - Brut) ที่เติมได้ไม่อั้นตลอดมื้อเช้า
มื้อเช้าของห้องอาหาร The Naga Kitchen
สเตชั่นต่างๆ ภายในห้องอาหาร
สเตชั่นขนมปัง
สเตชั่นอาหารไทย
สเตชั่นเครื่องดื่มแบบต่างๆ
Free Flow Sparkling Wine (Prosecco - Brut) ตอนมื้อเช้า ดีงามสุดๆ
อาหารเช้าหลากหลาย
ขนมจีนรสชาติดีมาก ทานทุกวันเลย
ขนมไทย (ซ้าย) จะผัดเปลี่ยนเมนูไปทุกวัน เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ลองขนมไทยแบบต่างๆ
ขึ้นรถกระเช้าไปห้องอาหาร Saffron ที่อยู่บนเนินเขา
จากห้องอาหาร Saffron มองลงไปเห็นห้องอาหาร The Naga Kitchen ที่ด้านล่าง
Saffron
ห้องอาหารซิกเนเจอร์ของทางโรงแรมบันยันทรีที่ตั้งอยู่บนเนินเข้าต้องนั่งรถกระเช้าขึ้นไป เปิดให้บริการเมนูสำรับไทยแบบดั้งเดิม มีที่นั่งทั้งโซนในร่มและกลางแจ้ง แต่ถ้าทานมื้อค่ำเราแนะนำว่านั่งในร่มดีกว่า ไม่มียุง แอร์เย็นสบาย แต่จำนวนที่นั่งมีน้อย ควรต้องโทรจองล่วงหน้านิดนึง การให้บริการก็เป็นสไตล์อาหารไทย คือสั่งกับข้าวมาทานกันแบบ Sharing โดยทางห้องอาหารจะมีเมนูเรียกน้ำย่อยให้บริการฟรี เป็นไก่ทอดชิ้นเล็กๆ และข้าวเกรียบเสิร์ฟพร้อมน้ำพริก 3 ชนิด (รสชาติอร่อยเลย)
สำหรับอาหารบางจาน Portion ค่อนข้างใหญ่ ถ้าทานกันไม่กี่คนอย่าเผลอสั่งกันเพลิน อาจทานไม่หมดได้ ส่วนข้าวทางห้องอาหารมีให้บริการ 4 ชนิดด้วยกัน คือข้าวขาว ข้าวกล้อง ข้าวซ้อมมือ และข้าวแซฟฟรอน (สีเหลือง) เสิร์ฟมาเป็นโถสามารถเติมได้เรื่อยๆ ไม่เสียค่าบริการจนกว่าจะอิ่ม
เมนูเรียกน้ำย่อย
ข้าว 4 ชนิด (ซ้าย)
เมนูอาหารไทยชนิดต่างๆ
Bird's Nest
เบิร์ด เนส นั้นไม่ใช่ห้องอาหาร แต่เป็นโซนที่นั่งทานข้าวแบบรังนกชมวิวทะเล มีอยู่จำนวน 3 รังด้วยกัน หากอยากมาใช้บริการควรทำการจองที่นั่งล่วงหน้าเอาไว้ก่อน โดยเปิดให้บริการ 2 ช่วงเวลาด้วยกัน คือบริการ
น้ำชายามบ่าย Afternoon Tea รอบเวลา 14:00 - 15:30 น. และ 15:30 - 17:00 น.
อาหารค่ำ รอบเวลา 18:00 - 23:00 น. ให้บริการอาหารไทยเป็น Set Menu (ราคา 3,000 บาท) มาช่วงอาทิตย์ตกน่าจะสวยสุด
สำหรับชุดน้ำชายามบ่ายเปิดให้บริการ 2 รอบระหว่างเวลา 14:00 - 17:00 น. แต่ถ้าให้แนะนำควรมาราวๆ 16:00 น. เพราะก่อนหน้านั้นแดดค่อนข้างร้อน ให้บริการในราคาชุดละ 1,500 บาทสุทธิ สำหรับ 2 ท่าน โดยมีให้เลือก 4 ชุดด้วยกัน คือ
Thai Afternoon Tea Set - ขนมไทย
Traditional English Set - ขนมแบบชุดชาอังกฤษ
High Tea Signature Set - ขนมที่เป็นเมนูของทางโรงแรม
Champagne High Tea Set - ขนมพร้อมแชมเปญขวดเล็ก (ชุดนี้ราคา 4,000 บาทสุทธิ)
อย่างในวันนี้เราเลือกทานเป็นชุด Traditional English Set ที่มีพวกสโคน มาการอง เค้ก ครัวซอง ผลไม้ พร้อมด้วยเครื่องดื่มสำหรับ 2 ท่าน
ชุด Traditional English Set (ซ้าย)
สามารถสั่งมาทานที่ห้องได้เช่นกันในราคาเท่าเดิม รอบนี้เราลองเป็นชุด High Tea Signature Set
Kredkaew Bar
เกล็ดแก้วบาร์ เป็นบาร์ริมชายหาดที่บรรยากาศดีมาก จะเลือกนั่งที่เคาน์เตอร์บาร์ หรือเลือกที่นั่งชิวๆ ริมหาดก็ได้ตามใจชอบ เป็นอีกจุดที่ค่อนข้างคึกคักในช่วงเย็น เพราะแขกของทางโรงแรมออกมานั่งสั่งเครื่องดื่มรับลมชมวิวพระอาทิตย์ตกดินกัน โดยมี Happy Hour ซื้อ 1 แถม 1 ทุกวันช่วงระหว่างเวลา 16:30 - 18:30 น.
สำหรับอาหารที่บาร์จะเป็นเมนูทานง่ายๆ อย่างพวกปีกไก่ทอด สลัด พิซซ่า แซนวิส แฮมเบอร์เกอร์ ที่จะสั่งมาทานเล่นๆ หรือทานเอาอิ่มก็ได้ทั้งคู่
บรรยากาศที่บาร์ยามเย็น
เมนูอาหารทานง่ายๆ
ที่นั่งของเกล็ดแก้วบาร์
ชิงช้าริมทะเล
บทสรุปของโรงแรมบันยันทรี กระบี่ คือความประทับใจที่ได้กลับไปแบบเต็มๆ ดีงามทุกองค์ประกอบ ถือเป็นโรงแรมระดับลักชัวรี่รีสมัยใหม่ที่ตอบโจทย์นักท่องเที่ยวในยุคปัจจุบันมากๆ บริการดีสมมาตรฐาน พื้นที่กว้างขวาง เรื่องการออกแบบสวยงามเหมาะแก่การถ่ายรูป ฟังก์ชั่นครบมาได้หมดทั้งแนวคู่รัก ครอบครัว หรือเพื่อนฝูง เพราะห้องพักแต่ละแบบมีการดีไซน์เพื่อตอบโจทย์นักท่องเที่ยวแตกต่างกันและสามารถปรับเปลี่ยนได้หลากหลาย พร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกและกิจกรรมครบครันจนแทบไม่ต้องออกไปไหน เหมาะที่จะมาพักผ่อนและใช้ชีวิตอยู่ในโรงแรมจริงๆ
ช่วงนี้ก็เป็นโค้งสุดท้ายของโครงการเราเที่ยวด้วยกันแล้วด้วย ใครอยากมาพักผ่อนที่นี่ในราคาพิเศษอย่าลืมรีบจองกันก่อนสิทธิ์ของโครงการฯ จะหมดนะ คุ้มค่ามากจริงๆ
Banyan Tree Krabi
เว็บไซต์ www.banyantree.com/thailand/krabi
โทร 075-811-888
อีเมล์ krabi@banyantree.com
ที่อยู่ 279 Moo 3 Tambon Nongtalay, Amphoe Muang, Krabi 81180
จองห้องพัก Banyan Tree Krabi ราคาพิเศษได้ที่นี่
เปรียบเทียบราคาจาก Agoda (เราเที่ยวด้วยกัน)
เปรียบเทียบราคาจาก Booking
コメント