สัมผัสบรรยากาศแบบ Luxury ที่ The Ritz-Carlton Koh Samui โรงแรมเดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน เกาะสมุย
เกาะสมุย ได้มาเที่ยวกี่รอบก็ไม่มีเบื่อ เพราะนี่คือหนึ่งในจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวระดับโลกที่เป็นที่รู้จักกันอย่างดีของชาวต่างชาติ เต็มไปด้วยโรงแรมระดับ 5 ดาวมากมายที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นเฉพาะตัวชวนให้ได้มาสัมผัสกันได้ไม่ซ้ำในแต่ละครั้ง และวันนี้ On The Jet Plane จึงขอบินตรงลัดฟ้าสู่เกาะสมุยอีกครั้ง เพื่อพาทุกท่านไปสัมผัสกับเดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน เกาะสมุย (The Ritz-Carlton Koh Samui) โรงแรมหรูระดับ Luxury จากเครือ Marriott ที่มีประวัติศาสตร์ของตัวแบรนด์มายาวนานถึงร้อยกว่าปี ดังนั้นแค่ยินชื่อก็การันตีได้เลยถึงการบริการอันเป็นเลิศจากโรงแรมอันเป็นตำนานแห่งนี้
เอาเป็นว่าเดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน เกาะสมุย จะน่าประทับใจแค่ไหน เราตามไปชมด้วยกันในรีวิวนี้ได้เลยดีกว่า ^^
จองที่พัก The Ritz-Carlton Koh Samui ราคาพิเศษได้ที่นี่
เปรียบเทียบราคาจาก Agoda (เราเที่ยวด้วยกัน)
เปรียบเทียบราคาจาก Booking
เปรียบเทียบราคาจาก Klook
ปัจจุบันเครือริทซ์-คาร์ลตัน มีโรงแรมอยู่ 2 แห่งในประเทศไทยคือ The Ritz-Carlton Koh Samui และ Phulay Bay, a Ritz-Carlton Reserve จังหวัดกระบี่ กับอีก 1 โครงการที่พักอาศัยที่ The Ritz-Carlton Residences, Bangkok ณ คิง เพาเวอร์ มหานคร ส่วนในนอนาคตนั้นจะมีส่วนของโรงแรมเพิ่มมาอีกหนึ่งแห่งที่กรุงเทพฯ ในโครงการ One Bangkok (เสร็จปี พ.ศ.2566)
พระอาทิตย์ตกดินจาก Arrival Lobby
สำหรับการเดินทางมาที่เดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน เกาะสมุย นั้นถือว่าสะดวกสบายเป็นอย่างมากหากเลือกบินตรงลงสู่เกาะสมุยกับสายการบินบางกอกแอร์เวย์สที่ใช้เวลาเดินทางจากกรุงเทพฯ เพียงแค่ 50 นาทีเท่านั้น จากนั้นนั่งรถไปสู่โรงแรมอีกเพียงแค่ 15 นาที รวมแล้วใช้เวลาเดินทางจากกรุงเทพฯ ไม่เกิน 2 ชั่วโมงเราก็มาถึงยังโรงแรมระดับ 5 ดาวบนเกาะสวรรค์ใจกลางอ่าวไทย เรียกว่าสะดวกสบายเป็นอย่างมากสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการเดินทางมาพักผ่อน ไม่เสียเวลานั่งรถไกล เพราะตั้งที่อยู่บนเนินเขาบริเวณปลายแหลมด้านบนสุดของเกาะสมุยไม่ไกลจากสนามบิน จากจุดนี้แขกที่มาพักสามารถมองเห็นวิวของพระอาทิตย์ได้ทั้งตอนขึ้นในยามเช้า และพระอาทิตย์ตกในยามเย็น เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งรีสอร์ทที่โลเคชั่นดีมาก
เมื่อเดินทางมาถึง เราได้รับการต้อนรับที่บริเวณ Arrival Lobby ซึ่งตั้งอยู่ทางด้านหน้าของโรงแรม พร้อมได้รับการบริการอย่างดีจากเจ้าหน้าที่ของของริทซ์-คาร์ลตันที่ได้นำพวงมาลัย ผ้าเย็น และน้ำมะพร้าวหอมชื่นใจมามอบให้เป็นการต้อนรับ ก่อนที่จะขึ้นรถกอล์ฟเพื่อพาทัวร์และให้ข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่ต่างๆ รอบโรงแรม รวมทั้งพาไปชมห้องอาหาร The Peak ที่ตั้งอยู่บนเนินเขาในจุดที่สูงที่สุด ซึ่งจากจุดนี้เราสามารถเห็นวิวของพื้นที่โดยรอบโรงแรมทั้ง 146 ไร่ได้อย่างชัดเจน
บริเวณ Arrival Lobby
วิวของโรงแรมจากบนห้องอาหาร The Peak
ห้องพักของที่เดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน เกาะสมุย มีห้องพักทั้งหมด 175 ห้อง แบ่งเป็นท 5 Room Type ได้แก่ วิลล่า 3 แบบ และห้องสวีท 2 แบบ
Villa
- Exclusive Pool Villa ขนาด 97 ตารางเมตร
- Ultimate Pool Villa ขนาด 97 ตารางเมตร
- Villa Kasara ขนาด 255 ตารางเมตร
Suite
- Select Terrace Suite ขนาด 93 ตารางเมตร
- Two Bedroom Suite ขนาด 186 ตารางเมตร
โดยห้องพักแบบ Exclusive Pool Villa และ Ultimate Pool Villa นั้นเป็นประเภทห้องพักที่มีมากที่สุดในโรงแรม มีขนาดและหน้าตาเหมือนกันแทบจะทุกประการ แตกต่างกันแค่เพียงสถานที่ตั้ง ซึ่งถ้าตั้งอยู่บนโซนเนินเขาสูงไม่มีวิลล่าอื่นๆ บังวิวจะเรียกว่า Ultimate Pool Villa แต่ถ้าอยู่ในโซนด้านล่างลงมาหน่อยจะเรียกว่า Exclusive Pool Villa สำหรับห้องพักของเราในครั้งนี้เป็นแบบ Exclusive Pool Villa ที่บอกเลยว่าแค่เปิดประตูเข้ามาก็ต้องว้าวววกับความสวยงามและวิวทะเลเบื้องหน้าแล้ว
สระส่วนตัวด้านหน้าห้องพัก
วิลล่าทุกหลังมีสระว่ายน้ำส่วนตัวอยู่หน้าห้อง โดยออกแบบให้แยกส่วนพื้นที่การใช้งานต่างๆออกจากกันอย่างชัดเจน ที่เมื่อเปิดประตูเข้ามาปุ๊ปจะพบกับส่วนของห้องนั่งเล่นและโต๊ะทำงานก่อนเป็นอย่างแรก จากจุดนี้เราสามารถเดินเชื่อไปยังพื้นที่ต่างๆ ภายในวิลล่าได้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นห้องนอน ห้องน้ำ มุมเก้าอี้อาบแดดและ shower ด้านนอก รวมทั้งสระส่วนตัว ส่วนทีวีมีให้ 2 เครื่องทั้งที่ห้องนอนและห้องนั่งเล่น เรียกว่าจัดสิ่งอำนวยความสะดวกมาให้ครบจบจริงๆ ภายในวิลล่า อยู่สบายจนไม่อยากจะออกไปเที่ยวไหนเลย เป็น Staycation ที่ดีงามมาก
ห้องนั่งเล่นกว้างขวางสะดวกสบาย พร้อมวิวทะเลเบื้องหน้า
ส่วนของห้องนั่งเล่น ห้องนอน และห้องน้ำ
มีเครื่องชงกาแฟแค็ปซูลให้บริการภายในห้องพัก
วิลล่าแต่ละหลังตั้งอยู่เรียงรายกันไปตามเนินเขาริมทะเล
ส่วนของห้องนอน มีพร้อมทั้งเตียงขนาดคิงไซค์ โซฟาปลายเตียง ทีวี โคมไฟ และแท่นชาร์ทไอโฟน
สำหรับส่วนของห้องน้ำนั้นมีขนาดกว้างขวาง โดยเฉพาะกระจกบานใหญ่ที่เปิดรับวิวทะเลด้านนอกช่วยเพิ่มความรู้สึกโปร่งสบาย แบ่งเป็นโซนอ่างล้างหน้าคู่ 2 อ่าง และอ่างน้ำขนาดใหญ่ริมหน้าต่าง เอาไว้แช่ไปชมวิวทะเลไป จากนั้นจึงเป็นทางเดินเชื่อมไปยังตู้เสื้อผ้า ห้องน้ำ และห้องอาบน้ำแบบ rain shower ส่วนชุด Amanity ใช้ของ Asprey จาก London ดีงามตามท้องเรื่อง
วิวทะเลจากห้องน้ำ
สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ภายในห้องน้ำ
นอกจากนี้ ยังมีระเบียงไม้เป็นมุมนั่งเล่นชิวๆ เอาไว้รับลมด้านนอกวิลล่า มีโต๊ะและเก้าอี้นั่งเตรียมไว้ให้เสร็จ จะเลือกเอาไว้นั่งทานอาหารเช้าภายในวิลล่า หรือนั่งจิบเบียร์พร้อมชมวิวทะเลนามเย็นก็ได้เช่นกัน
บรรยากาศดีมากกกก คู่ควรกับการมาพักผ่อนที่เกาะสมุย
ป้ายบอกทางภายในโรงแรม
Main Pool เป็นสระน้ำขนาดใหญ่ที่ยาวมากกก ตั้งขนานไปกับชายหาดหน้าโรงแรม เป็นอีกหนึ่งจุดที่เหมาะมากในการมานอนรับแดดอ่อนๆ ยามเช้า เพราะตัวสระว่ายน้ำหันหน้าไปทางทิศตะวันออก ส่วนช่วงบ่ายจะได้เงาของตัวอาคารบังแดดเอาไว้ให้ จึงเล่นน้ำได้สบายไม่ร้อน เป็นอีกหนึ่งจุดที่จะมานอนเล่นชิวๆ ริมสระได้ทั้งวัน พร้อมมี Pool Bar ที่สามารถสั่งอาหารหรือเครื่องดื่มมาทานเล่นได้อีกด้วย
จากสระแห่งนี้สามารถเดินเชื่อมไปยังชายหาดส่วนตัวขนาดเล็กทั้งสองหาดของโรงแรมได้
บรรยากาศยามเช้าสวยงามมาก
วิวสวยอย่างนี้ แดดแรงแค่ไหนก็ไม่กลัวร้อน ^^
น้ำดื่มและผ้าเย็นมีให้บริการแก่แขกทุกท่านที่มานั่งเล่นริมสระว่ายน้ำและเก้าอี้อาบแดดริมชายหาด
ด้วยสถานที่ตั้งที่อยู่บริเวณตอนบนของเกาะสมุยใกล้กับหาดท้องทราย พื้นที่บริเวณนี้จึงเต็มไปด้วยโขดหินซะเป็นส่วนใหญ่และทรายอาจจะไม่ละเอียดเท่าชายหาดดังๆ อย่างเฉวงหรือละไม แต่ก็ถือเป็นหนึ่งในเอกลักษณ์ที่โดเด่นของทางโรงแรมที่มีโขดหินตั้งคั่นอยู่ระหว่างชายหาดส่วนตัวขนาดเล็กทั้งสองแห่งที่สามารถลงเล่นน้ำได้แบบไม่ต้องมีใครมารบกวน พร้อมมีเก้าอี้ชายหาดและคาบาน่าตั้งเอาไว้ให้สามารถใช้บริการกันได้ตลอดทั้งวัน
แค่เห็นมุมนี้ก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นที่ไหน
ฟิตเนสของที่นี่มีขนาดใหญ่โตโอ่อ่ามาก ตั้งอยู่บริเวณใจกลางโรงแรมติดกับห้องอาหาร Shook ซึ่งเป็นห้องอาหารหลักของโรงแรม มีน้ำดื่ม ผ้าเย็น และผลไม้สดเตรียมเอาไว้ให้มาใช้บริการได้ตลอดทั้งวัน นอกจากนี้ยังมีเวทีมวย และกระสอบทราบเอาไว้ให้ได้เรียกเหงื่อนกันอีกด้วย
มีโต๊ะพูลและเครื่องเล่นแนวครอบครัวเอาไว้ให้บริการที่ Arcade
ต้องเรียกว่าพื้นที่สปาของเดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน เกาะสมุย นั้นมีพื้นที่กว้าวขวางและตกแต่งได้สวยงามมาก เน้นการตกแต่งในแบบไทยๆ พร้อมทรีทเม้นต์อันเป็นเอลักษณ์ที่ได้แรงบันดาลใจจากวัฒนธรรมและวัตถุดิบท้องถิ่นอย่างมะพร้าว ของขึ้นชื่อของเกาะสมุย จนออกมาเป็น Signature Treatment อย่าง Samui’s Coconut Heritage หรือ โดยแขกที่มาใช้บริการจะได้ห้องทรีทเม้นต์แบบส่วนตัวที่เลือกได้ทั้งแบบห้องสวีท พาวิลเลี่ยน หรือคาบาน่า
Aqua Therapy Pool
จุดชมอาทิตย์ตกถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ที่ไม่ควรพลาด เพราะว่าวิวยามเย็นจากที่นี่สวยจริงๆ โดยเฉพาะบริเวณ Arrival Lobby ที่ใช้สำหรับการเช็คอินตอนขามานี่แหละดีงามสุดๆ แล้ว ได้แสงสวยๆ ของท้องฟ้าสะท้อนกับผิวน้ำที่เรียบราวกับกระจก พร้อมมีทางเดินและโคมไฟจัดเตรียมเอาไว้ให้พร้อม เรียกว่าจะถ่ายจากกล้องใหญ่ หรือจากมือถือก็ออกมาดูดีทั้งคู่
Arrival Lobby ช่วงเย็น
ทั้งแสงจากหลอดไฟ และแสงจากท้องฟ้า สวยลงตัวมาก
ส่วนอีกจุดที่ต้องมายามเย็นคือ Tides Upper Deck บาร์ริมทะเลซึ่งตั้งอยู่ด้านบนเหนือ Tides ที่เป็น Pool Bar ด้านล่างติดกับสนะว่ายน้ำหลักของโรงแรม แม้ว่าจุดนี้จะมองไม่เห็นพระอาทิตย์ลับฟ้าเนื่องจากตั้งอยู่คนละทิศกัน แต่รับลองเลยว่าสวยงามและบรรยากาศดีไม่แพ้ Arrival Lobby เลย กับวิวทะเลเปิดโล่งมองเห็นเส้นของฟ้าและขอบน้ำพร้อมกับแสงสีที่ค่อยๆ เปลี่ยนเฉดไปเรื่อยๆ ได้มานั่งจิบเครื่องดื่มเย็นๆ ไปดูวิวทะเลไป ฟินสุดๆ
แถมทุกเย็นวันศุกร์ยังมีช่วง GM Cocktail ที่ GM ของทางโรงแรมจะแวะมาทักทายพูดคุยกับแขก พร้อมให้บริการค็อกเทลที่มีให้เลือกถึง 3 ตัว ตั้งแต่เวลา 18.00 - 19.00 น. อีกด้วย
พูดถึงเรื่องอาหารการกันกันบ้างดีกว่า ขอยกแค่เฉพาะตัวเด่นๆ อย่างห้องอาหาร Pak Tai (ปักษ์ใต้) ที่ให้บริการอาหารใต้สมกับชื่อห้องอาหาร ได้รับการตกแต่งให้เป็นบรรยากาศของศาลาไทยที่ตั้งอยู่ข้างบ่อน้ำ ให้บริการอาหารค่ำตั้งแต่เวลา 18.00 - 22.40 น.
แต่ความพิเศษและเป็น Signature หนึ่งเดียวของเกาะสมุยเลยก็คือภายในบ่อน้ำเบื้องล่างนี้เป็นเหมือนกับ Aquarium ขนาดย่อมที่จำลองระบบนิเวศน์ใต้ทะเล ซึ่งสามารถมองลงไปดูปลาที่ว่ายน้ำอยู่ได้ ส่วนในช่วงกลางวันจะมีกิจกรรม Swim Reef ที่ให้แขกได้ลงไปสัมผัสประสบการณ์ใต้น้ำกับเหล่าฝูงปลาตัวน้อย โดยมีค่าใช้จ่ายอยู่ที่คนละ 500 บาท พร้อมเตรียมอุปกรณ์หน้ากากดำน้ำแบบ Snorkel ให้เสร็จสรรพ
บรรยากาศของห้องอาหาร Pak Tai และกิจกรรมดำน้ำกับน้องปลา
ต่อมาคือห้องอาหาร Shook ที่เป็นห้องอาหารหลักของทางโรงแรม ให้บริการแบบ All Day Dinning ทั้งมื้อเช้า กลางวัน และเย็น โดยบุฟเฟ่ต์อาหารเช้าจะให้บริการตั้งแต่เวลา 6.30 - 10.30 น. ไลน์อาหารค่อนข้างเยอะและหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นอาหารไทย อาหารจีน อาหารฝรั่ง เรียกว่าเดินเลือกเดินตักชิมกันได้จนอิ่ม พร้อมให้บริการน้ำมะพร้าวสดของขึ้นชื่อเกาะสมุย เสริฟมาเป็นลูกๆ หอมหวานเย็นชื่นใจมากๆ แถมสาย Healthy ไม่ต้องกังวลนะ เค้ามีไลน์อาหารไว้ให้เลือกเช่นกัน รวมทั้ง Juice Bar ที่เสิร์ฟผลไม้ทั้งแบบเป็นชิ้นและนำไปคั้นเป็นน้ำผลไม้สด
ที่ชอบเป็นพิเศษคือบาร์เครื่องดื่มที่ทำจากนม ไม่ว่าจะเป็นชาเย็น ช๊อคโกแล็ตเย็น นมกาแฟ นมสด นมอัญชัน นม Low Fat ที่มีให้เลือกหลากหลายรสชาติ ใส่ขวดขนาดกระทัดรัดให้ยิบกันไปทานได้เลย ส่วนเรื่องรสชาติอาหารต่างๆ ถือว่ารสชาติดี และใช้วัตถุดิบคุณภาพสมกับแบรนด์ อย่างเช่นเนยทาขนมปังก็ใช้เป็นเนสสดแบบ Homemade อยากบอกว่าเนยรส Garlic Butter ของที่นี่รสชาติดีมาก ทานคู่กับขนมปังอะไรก็อร่อยไปหมด
ส่วนเรื่องบริการเป็นอีกหนึ่งอย่างที่ต้องยกนิ้วให้ ดีงามสมกับความเป็นเดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน พนักงานที่นี่น่ารักทุกคน ใส่ใจแขก และก็ยิ้มแย้มให้ตลอดเวลา
ห้องอาหาร Shook
ขนมหวานก็มีให้เลือกหลากหลายชนิด
แพนเค้กน่ารักมาก
นอกจากนี้ยังมีส่วนของบาร์ที่ชื่อว่า One Rai (วันไร่) ตั้งอยู่ติดกับส่วนของห้องอาหาร Shook เปิดตั้งแต่ 18.00 - 24.00 น. ทุกวัน และห้องอาหาร Baan Talad (บ้านตลาด) ที่ตั้งอยู่ในโซนติดๆ กัน ให้บริการบุฟเฟ่ต์อาหารไทยในบรรยากาศของงานวัด เรียกว่าน่าจะถูกใจชาวต่างชาติอยู่ไม่น้อย เพราะร้านอาหารประเภทต่างๆ จะตั้งเรียงรายกันเป็นซุ่มๆ เช่น ซุ้มส้มตำ ซุ้มก๋วยเตี๋ยว ซุ้มเครื่องดื่ม จ่ายเงินทีเดียว เดินไปชิมซุ้มนู้นที ซุ้มนี้ที อิ่มแน่นอน
One Rai
ห้องอาหาร Baan Talad ในบรรยากาศงานวัด
และสุดท้ายที่ขอแนะนำคือห้องอาหาร The Ranch at Shook ห้องอาหารเพียงแห่งเดียวของทางโรงแรมที่ติดแอร์ (เพราะ Concept คืออยากให้แขกได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติ ส่วนใหญ่จึงไม่ติดแอร์) ถือเป็นส่วนหนึ่งของห้องอาหาร Shook เพียงแค่ว่ามีส่วนของกำแพงกั้นแยกออกจากกันชัดเจน ให้บริการเฉพาะอาหารค่ำเท่านั้นตั้งแต่เวลา 18.00 - 22.30 น.
ร้านนี้เป็นแบบ Steakhouse ที่ใช้วัตถุดิบเป็นเนื้อวัวนำเข้าคุณภาพดีสมกับราคา เมื่อแขกมานั่งจะให้บริการเพรซเซลชิ้นใหญ่มาให้ทานระหว่างรออาหาร ส่วนเครื่องดื่มเมนูเด่นของทางร้านจะเป็นพวก Classic Cocktail ชนิดต่างๆ ที่เอาไว้ทานคู่กันกับอาหาร หรือถ้าหากเป็นคอไวน์ทางห้องอาหารก็มีให้เลือกหลากหลายชนิด ส่วนเรื่องสเต็กนั้นก็บอกเลยว่ารสชาติดีมากกก ทางห้องอาหารตั้งใจทำจริงๆ ถ้าคิดว่าเป็นคนทานจุแนะนำให้สั่งชิ้นใหญ่ไปเลย เพราะมันอร่อยสุดๆ สั่ง Medium ก็ได้แบบ Medium ตรงตามสเป็คไม่ผิดแม้แต่น้อย และเมื่อทานเสร็จก็จะมีไวท์ช๊อคโกแลต Homemade เอาไว้ให้บริการปิดท้าย รสชาติหวานกำลังดี ถือเป็นอีกหนึ่งห้องอาหารที่ประทับใจจริงๆ
Filet Mignon ขนาด 200g
ไวท์ช๊อคโกแลตปิดท้าย
เวลา 3 วัน 2 คืน บนเกาะสมุยผ่านไปไวราวกับโกหก เผลอแ๊ปเดียวต้องบินกลับมากรุงเทพฯ อีกแล้ว ก็อยากบอกว่าเดอะ ริทซ์-คาลตัน เกาะสมุย เป็นอีกหนึ่งโรงแรมที่ประทับใจมาก ไม่ว่าจะเรื่องของสถานที่ หรือการบริการจากหนักงานที่ผ่านการเทรนด์มาเป็นอย่างดีในทุกๆ จุดที่ได้สัมผัสตั้งแต่วันแรกจนถึงวันกลับ ช่วยเติมเต็มทริปของเราให้น่าประทับใจขึ้นอีกเยอะ
โดยในวันกลับนั้นแขกจะย้ายมาเช็ตเอาท์กันอีกที่หนึ่ง โดยรถกอล์ฟจะขับไปรับเราพร้อมกระเป๋าที่วิลล่าและมาส่งยัง Departure Lobby เพื่อทำการเช็คเอาท์และเคลียค่าใช้จ่ายต่างๆ เมื่อเสร็จเรียบร้อยจึงค่อยขึ้นรถกอล์ฟไปส่งยังด้านหน้าโรงแรมเพื่อขึ้นรถตามที่เราได้จองไว้เพื่อไปสนามบินต่ออีกทีหนึ่ง ถือเป็นอันจบทริปเกาะสมุยกับเดอะ ริทซ์-คาลตัน อย่างสมบูรณ์
ขอสรุปส่งท้ายอีกครั้ง ถ้าจะมาพักผ่อนที่นี่แล้วแนะนำว่าไม่ต้องออกไปเที่ยวข้างนอกมากนัก เพราะสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ มีให้อย่างครบครัน รองรับทั้งแขกแนวคู่รัก และแนวครอบครัว (ลืมบอกว่ามี Kids Club ด้วยนะ) อยู่ใช้ Facility และการบริการของทางโรงแรมให้คุ้มค่า รับรองว่าคุณจะไม่ผิดหวังกับเดอะ ริทซ์-คาลตัน เกาะสมุย อย่างแน่นอน ^^
ค้นหารีวิวโรงแรมและสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ที่น่าสนใจในประเทศไทยได้ ที่นี่
จองที่พัก The Ritz-Carlton Koh Samui ราคาพิเศษได้ที่นี่
เปรียบเทียบราคาจาก Agoda (เราเที่ยวด้วยกัน)
เปรียบเทียบราคาจาก Booking
เปรียบเทียบราคาจาก Klook