20 พิกัดเที่ยวไอซ์แลนด์
ถ้าคุณเป็นคนรักการเดินทาง ชอบการได้พบเจอประสบการณ์ใหม่ๆ สนุกกับการได้เห็นทิวทัศน์ที่น่าตื่นตาตื่นใจและหาดูไม่ได้จากที่ไหนในโลกใบนี้ เชื่อว่าไอซ์แลนด์ (Iceland) น่าจะเป็นพิกัดที่คุณต้องถูกใจ เพราะนี่คือประเทศซึ่งเต็มไปด้วยธรรมชาติสุดมหัศจรรย์ จะธารน้ำแข็ง ภูเขาไฟ น้ำพุร้อน หรือแสงออโรร่า ก็หาดูได้ทั้งหมดจากที่นี่ ไอซ์แลนด์จึงเป็นพิกัดที่คนรักการผจญภัยต้องมาเยือนให้ได้ซักครั้งในชีวิตเลยนะ แล้วถ้าอยากมา ก็มองหาตั๋วเครื่องบินไอซ์แลนด์ได้จาก Traveloka เลยจ้ะ จองก็ง่าย แถมมีไฟลท์บินราคาดีให้เลือกแบบแน่นๆ เลยจ้า บอกเลยว่าต้องหาทำ!
ก่อนจะเดินทางไปไอซ์แลนด์ หรือว่าไปเที่ยวต่างประเทศ รวมถึงที่เที่ยวในประเทศจังหวัดต่างๆ แนะนำว่าอย่าลืมเช็คมาตรการเหล่านี้ก่อนเดินทาง > https://www.traveloka.com/th-th/flight/safe-travel
1. Gullfoss Waterfall
น้ำตกขนาดใหญ่ซึ่งได้ฉายาว่า ไนแอการ่าแห่งไอซ์แลนด์ แห่งนี้ เป็นหนึ่งในน้ำตกที่มีชื่อเสียงที่สุดของประเทศ เพราะมีลักษณะเป็นน้ำตกขนาดใหญ่ซึ่งมีเนื้อที่บริเวณด้านบนน้ำตกกว้างกว่า 1 กิโลเมตร ตัวน้ำตกตั้งอยู่บนแม่น้ำ Hvita ที่เกิดชั้นหินลดระดับลงมาอีก 3 ชั้น ก่อนจะตกลงไปยังพื้นน้ำด้านล่างซึ่งมีความสูงประมาณ 30 เมตร ที่เริ่ดคือเค้ามีจุดชมวิวให้ได้ไปยืนดูกันแบบสองฟีลเลยจ้า ทั้งด้านบนที่จะเห็นบริเวณรอบน้ำตกแบบเต็มตา และด้านล่างซึ่งจะได้เห็นความอลังการในระยะประชิดชนิดที่เหมือนลงไปยืนอยู่ในน้ำตกเลยละ แนะนำว่าให้ดูทั้งสองมุมไปเลย
2. Arctic Henge
แม้จะไม่ได้เป็นโบราณสถานเก่าแก่เหมือนสโตนเฮนจ์ในประเทศอังกฤษ แต่ซุ้มหินอาร์กติก เฮนจ์ ของไอซ์แลนด์ ก็นับเป็นแหล่งเช็คอินที่เก๋มากอีกแห่งเลยละ เริ่มจากการตั้งอยู่ในเมือง Raufarhöfn ซึ่งอยู่เหนือสุดของประเทศ โดยอาร์กติก เฮนจ์นั้นสร้างขึ้นในปี 1996 ด้วยสถาปัตยกรรมแบบท้องถิ่นที่เรียกว่า Nordic แถมยังสามารถใช้เป็นนาฬิกาแดดเพื่อดูเวลาได้ โดยซุ้มหินตรงกลางนั้นมีความสูง 10 เมตร ปลายส่วนยอดประดับปริซึมซึ่งช่วยกระจายแสงให้พระอาทิตย์เที่ยงคืนที่จะส่องลอดซุ้มนี้ให้สวยงามยิ่งขึ้นอีกด้วยจ้า เป็นอีกแลนด์มาร์คที่เก๋ดีนะ ควรแวะมาเช็คอิน
3. Ice Cave, Vatnajökull National Park
Vatnajökull Glecier นั้นได้ชื่อว่าเป็นธารน้ำแข็งที่ใหญ่ที่สุดในทวีปยุโรป และนอกจากความสวยงามของตัวธารน้ำแข็งเมื่อมองจากด้านบนแล้ว ในพื้นที่ของธารน้ำแข็งอายุกว่า 1,000 ปีแห่งนี้ ยังมีถ้ำน้ำแข็งที่สวยงามมาก โดยถ้ำน้ำแข็งที่นี่มีจุดเด่นสวยสะกดตาตรงเวลาที่ผนังถ้ำน้ำแข็งสะท้อนกับแสงแดดที่ส่องลงมา จะกลายเป็นถ้ำสีฟ้าใสราวกับคริสตัลเชียวละ เป็นแลนด์มาร์คแห่งหนึ่งซึ่งถือว่าอเมซิ่งสุดๆ เลยจ้า ต้องมาเด้อ
4. Skaftafell Glacier
อีกหนึ่งความมหัศจรรย์ในอุทยานแห่งชาติ Vatnajökull ก็คงต้องยกให้กับธารน้ำแข็ง Skaftafell Glacier ซึ่งเป็นกลาเซียร์ที่เข้าถึงได้ง่ายที่สุดจากในบรรดาทั้งหมดกว่า 30 กลาเซียร์ในอุทยานฯ นี้ โดยธารน้ำแข็งนี้มีขนาดความยาวราวๆ 10 กิโลเมตร และมีความกว้างประมาณ 2 กิโลเมตรด้วยกัน ขณะที่รอบด้านนั้นรายล้อมไปด้วยเทือกเขาสูงใหญ่ ในการเข้าชมควรมีไกด์มืออาชีพเป็นผู้นำเข้าไป โดยต้องเดินไปกลับในระยะทางประมาณ 3.7 กิโลเมตรนะ อย่าลืมเตรียมร่างกายและอุปกรณ์ไปให้พร้อมเด้อ
5. Hallgrímskirkja Church
เป็นโบสถ์รูปทรงเหนือจินตนาการ ตั้งอยู่ในพื้นที่เมืองหลวงของไอซ์แลนด์ นอกจากจะทำหน้าที่เป็นศาสนสถานแล้วนะ โบสถ์คริสต์ที่สูงที่สุดในประเทศแห่งนี้ ยังทำหน้าที่เป็นจุดชมวิวในมุมสูงอีกด้วยจ้า ด้วยความสูงถึง 74.5 เมตร ทำให้เราสามารถชมทิวทัศน์ของเมือง Reykjavik ได้แบบเต็มๆ ตา โดยโบสถ์ซึ่งสร้างในรูปแบบสถาปัตยกรรมแนวอิมเพรสชั่นนิสม์แห่งนี้ ใช้เวลาสร้างถึง 38 ปีด้วยกัน นับเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ของไอซ์แลนด์ที่พลาดไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง
6. Blue Lagoon Hot Springs
เชื่อมั้ยล่ะว่าที่นี่มีนักท่องเที่ยวมาเยือนกันปีละกว่า 500,000 คน! แถม National Geographic ก็ยังยกให้ที่นี่เป็น 1 ใน 25 สถานที่สุดมหัศจรรย์ของโลกอีกด้วยนะ เพราะนี่คือบ่อน้ำแร่ร้อนตามธรรมชาติซึ่งมีน้ำสีฟ้าใสอันประกอบไปด้วยแร่ธาตุหลากหลายชนิดเชียวละ และเพราะตั้งอยู่ในเขตที่มีการเคลื่อนตัวของหินหลอมละลายใต้ดินจึงทำให้น้ำในบ่อร้อนและมีไอน้ำเกิดขึ้นตลอดเวลา โดยอุณหภูมิของน้ำจะอยู่ที่ประมาณ 40 องศาเซลเซียส และน้ำในบ่อจะเปลี่ยนใหม่ทุก 48 ชั่วโมงเลยด้วยนะ ที่นี่ขึ้นชื่อในเรื่องของความผ่อนคลายและการบำบัดโรคหลายชนิดเชียวละ ได้แช่น้ำร้อนนอนดูหิมะกลางอากาศหนาวๆ จ้ะ อะไรจะฟินไปกว่านี้
7. Reynisfjara Beach
ไหนๆ เราก็ชินตากับหาดทรายขาวๆ และน้ำทะเลสีฟ้าใสกันมาบ่อยครั้งแล้วนะ เปลี่ยนฟีลมาเที่ยวหาดทรายสีดำสนิทกันดูบ้างดีกว่า โดยหาดทรายดำของไอซ์แลนด์แห่งนี้ได้ชื่อว่าเป็นหาดทรายสีดำที่สวยที่สุดในโลกด้วยนะ โดยหาดนี้เกิดขึ้นจากการสึกกร่อนของหินลาวาและแนวหินบะซอลต์ซึ่งถูกคลื่นลมพัดไปรวมกันอยู่บริเวณชายหาด ทำให้หาดนี้มีความหนาแน่นและทนทานมากกว่าหาดทรายทั่วไป ใกล้ๆ กันยังมีผนังหินบะซอลต์เรียงตัวกันเป็นเสาทรงสูงมากมายแลดูแปลกตา เป็นอีกพิกัดที่เราว่าเด็ดเชียวละ
8. Skogafoss Falls
แลนด์มาร์คขึ้นชื่อทางตอนใต้ของประเทศไอซ์แลนด์ โดยได้ชื่อว่าเป็นน้ำตกที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 5 และสูงที่สุดในประเทศอีกด้วยนะ ด้วยความกว้างประมาณ 25 เมตร และความสูงประมาณ 60 เมตร ทำให้สายน้ำที่ตกลงมาแลดูเหมือนม่านน้ำสีขาวขนาดยักษ์น่าตื่นตาตื่นใจ มองเห็นกันได้ในระยะไกลเลยเชียวละ แถมแต่ละฤดูที่นี่ก็ยังสวยแตกต่างกันไปด้วยนะ ใครชอบเดินเค้าก็มีทางขึ้นไปยังด้านบนให้เห็นวิวมุมสูงและน้ำตกจากมุมที่ต่างออกไป ลงลิสต์ไว้จ้า อย่าพลาดเด้อ
9. Kerlingarfjoll
อีกหนึ่งพิกัดสุดอัศจรรย์ที่อยู่ใจกลางที่ราบสูงของไอซ์แลนด์ เป็นเทือกเขาซึ่งมีสีสันแปลกตาอันเกิดจากการปะทุของภูเขาไฟมาเป็นเวลานับหมื่นปี ทุกวันนี้พื้นที่บริเวณนี้ก็ยังเต็มไปด้วยความร้อนใต้ผืนดินซึ่งแสดงออกในลักษณะของบ่อโคลนเดือด น้ำพุร้อน หรือแม้กระทั่งไอน้ำที่พวยพุ่งขึ้นมา โดยครอบคลุมพื้นที่เนินเขาหลายสิบลูก ในบางช่วงเวลา เราจะได้เห็นหิมะปกคลุมเนินเขาสีแดง ซึ่งมีธารน้ำร้อนไหลผ่าน การจะเข้าถึงที่นี่ก็ไม่ง่ายนักนะ แต่บอกเลยว่าสายแอดเวนเจอร์ชอบความผจญภัยน่าจะสู้ไหว รับรองว่าจะเป็นหนึ่งในประสบการณ์ใหม่ๆ ซึ่งหาไม่ได้จากที่อื่นในโลกแล้วละ คุ้มค่าแน่นอน
10. Jokulsarlon beach (Diamond beach)
บอกเลยว่าเป็นอีกหนึ่งทำเลที่จะทำให้เรารู้สึกเหมือนกำลังเดินอยู่ในฉากหนังแฟนตาซี เพราะนี่คือชายหาดสีดำซึ่งเกิดจากหินภูเขาไฟ ซึ่งอยู่ในบริเวณธารน้ำแข็ง Jokulsarlon ซึ่งเป็นกลาเซียร์ที่ยิ่งใหญ่อีกแห่งในไอซ์แลนด์ โดยก้อนน้ำแข็งหลากหลายขนาดที่หลุดออกมาจากธารน้ำแข็ง จะถูกพัดพามาเกยตื้นบริเวณหาดนี้ เมื่อก้อนน้ำแข็งกระทบกับแสงแดด ก็จะเกิดเป็นประกายระยิบระยับเหมือนเพชรยังไงยังงั้นเลยละ กะเวลาไปให้ยังพอมีแสงแดดนะ รับรองเลยว่าต้องประทับใจ
11. Geldingadalir
ใครจะคิดล่ะ? ว่าวันหนึ่งจะเกิดโปรแกรมทัวร์ที่พาไปชมการปะทุของภูเขาไฟ! แต่บอกเลยว่าที่ไอซ์แลนด์นี่ละเค้ามีให้เราได้ใช้บริการกัน โดยทัวร์นี้จะพาคุณเดินเท้าไปประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที เพื่อเข้าไปชมการปะทุของลาวาในเขตพื้นที่ Geldingadalir ซึ่งจะมีหลายพิกัดให้ได้ชมกัน โดยสภาพแวดล้อมหรือจุดปะทุบริเวณนี้ จะเกิดการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ว่ากันว่านี่อาจจะเป็นที่เดียวในโลกเลยนะที่เราจะได้ดูลาวาปะทุกันใกล้ขนาดนี้ ใครอยากดูรีบปักหมุดเลยจ้า เมื่อไหร่ลาวาดับแปลว่าอดดูน้า แล้วถึงเวลานั้นอย่ามาหาว่าเราไม่เตือน!
12. Kirkjufell
นี่คืออีกหนึ่งแลนด์มาร์คสำคัญซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์หนึ่งของไอซ์แลนด์ และว่ากันว่านี่คือสถานที่ซึ่งถูกถ่ายรูปเยอะที่สุดในประเทศนี้เลยเชียวนะ กับความเก๋ของการเป็นภูเขาที่หลายคนบอกว่าเหมือนโบสถ์และเหมือนหมวกแม่มดในขณะเดียวกัน ด้วยรูปร่างแหลมสูงแปลกตากับความสูง 463 เมตร และสีสันที่แตกต่างกันไปตามลักษณะของชั้นหินที่ทับถมกันมาเป็นเวลานับล้านปี นอกจากมาชมพระอาทิตย์ตกหรือไต่เขากันแล้วนะ ใกล้ๆ กับภูเขาลูกนี้ยังมีน้ำตกเล็กๆ ให้ดูด้วยจ้า แถมตอนกลางคืนที่นี่ยังเป็นพิกัดดูแสงเหนือได้อีกด้วยนะ มาจุดเดียวคือคุ้มจ้า บอกเลยว่าพลาดไม่ได้จริงๆ
13. Fjadrargljufur Canyon
หลายคนบอกว่านี่คือแกรนด์แคนยอนของไอซ์แลนด์ เพราะเป็นหุบเขาสูงประมาณ 100 เมตร ซึ่งทอดตัวยาวต่อกันราว 2 กิโลเมตรเลยนะ โดยมีแม่น้ำ Fjaðrá ไหลผ่านตรงกลาง แบ่งหุบเขาออกเป็นสองฝั่งโดยมีลักษณะคดเคี้ยวไปมา เพิ่มความสวยด้วยสีเขียวของพรรณไม้ขนาดเล็กที่ขึ้นปกคลุมส่วนต่างๆ ของหุบเขาทั้งสองฝั่งเอาไว้ ใครเคยดูวิวสวยๆ จากใน mv เพลง Cold Water ของหนุ่ม จัสติน บีเบอร์ น่าจะคุ้นตา เพราะเค้าก็มาถ่ายทำกันที่นี่จ้ะ อย่าลืมแวะมาดูด้วยตากันนะ ว่าจะว้าวขนาดไหน
14. Hraunfossar
ความสวยแปลกตาของน้ำตกแห่งนี้ ทำให้มีหลายคนขนานนามที่นี่ว่าเป็นน้ำตกลาวา ด้วยลักษณะที่เป็นสายน้ำเล็กใหญ่มากมายไหลเป็นระยะทางยาวผ่านพื้นที่กว้างของลานชั้นหินลาวาที่ชื่อว่า Hallmundarhraun โดยน้ำของน้ำตกนี้เกิดจากแหล่งน้ำบนผิวดินรวมกับน้ำที่ละลายจากธารน้ำแข็ง ก่อนจะไหลลงมาสู่แม่น้ำ Hvítá ที่อยู่ด้านล่าง โดยน้ำทั้งสายจะเป็นสีฟ้าสวยใสแลดูแปลกตา เป็นอีกพิกัดที่ควรต้องแวะมาเช็คอิน
15. The Great Geysir
ไกเซอร์ คือน้ำพุร้อนซึ่งพวยพุ่งขึ้นสูงบนอากาศ โดยอาจมีให้เห็นกันไม่กี่แห่งเท่านั้นในโลกนี้ โดยไกเซอร์ที่นี่เป็นน้ำพุร้อนที่สูงและมีชื่อเสียงที่สุดของไอซ์แลนด์เลยด้วยจ้า บางครั้งอาจพุ่งสูงขึ้นมากว่า 80 เมตรเลยเชียวนะ และจะเกิดขึ้นเรื่อยๆ เมื่อความร้อนใต้ดินนั้นเกิดการสะสมจนดันน้ำจากใต้ดินให้พวยพุ่งขึ้นมา ว่ากันว่าจะอยู่ที่ประมาณทุก 7 - 10 นาทีนะ ไกเซอร์เป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่จะเกิดขึ้นในระยะเวลาไม่กี่พันปีเท่านั้นจ้า เป็นอีกพิกัดที่ควรไปเช็คอินกันก่อนที่ธรรมชาติจะสั่งหยุดนะ ถือว่าเป็นประสบการณ์หาดูได้ยากอีกอย่างเลยเชียว
16. Namafjall
ใครเป็นสายผจญภัยที่ชอบความตื่นเต้นในการได้ตามหาสถานที่บรรยากาศแปลกใหม่ ขอให้ลงลิสต์ที่นี่ไว้ด้วยจ้า เพราะเป็นพิกัดประหลาดซึ่งชวนให้คิดถึงฉากหนังอวกาศมากกว่าจะเชื่อว่ามีอยู่จริงบนโลกนี้ กับพื้นดินและเนินเขาซึ่งเต็มไปด้วยบ่อโคลนเดือดมากมาย ไอน้ำ และสีสันที่แปลกตา ซึ่งมาพร้อมกลิ่นกำมะถันอันเป็นแร่ธาตุที่อัดแน่นอยู่ใต้พื้นดินบริเวณนี้ และเพราะความร้อนใต้ดินที่มีอยู่มากมาย ทำให้แถบนี้ไร้ซึ่งสิ่งมีชีวิตชนิดไหนทั้งสิ้นจ้า บอกเลยว่าให้ฟีลเหมือนอยู่ในหนังอวกาศซักเรื่องเลยนะ ใครชอบผจญภัยต้องมาให้ไว
17. Bruarfoss Waterfall
อีกหนึ่งน้ำตกสวยในไอซ์แลนด์ที่อยากให้ลองแวะไปเช็คอินกัน และแม้ว่าที่นี่อาจจะไม่ได้มีจุดขายที่ความยิ่งใหญ่ตระการตา แต่ก็โดดเด่นตรงที่เป็นน้ำตกสีฟ้าเทอควอยซ์สวยใส น้ำตกนี้เกิดจากการลดหลั่นของชั้นหินในแม่น้ำ Brúará โดยเป็นสายน้ำซึ่งไหลผ่านลานหินกว้างก่อนตกลงมาเป็นฟองขาวสวยตัดกับน้ำสีฟ้าใส ที่เริ่ดคือเป็นน้ำตกซึ่งอยู่ไม่ไกลจากน้ำตก Gullfoss ด้วยนะ แวะมาเลยจ้า มาทางเดียวกันแต่ได้เห็นความสวยสองฟีลนะ คุ้มค่าสุดๆ เลยเชียว
18. Dyrholaey
แหลมรูปทรงแปลกตา ซึ่งตั้งอยู่บริเวณชายฝั่งทางตอนใต้ของไอซ์แลนด์ และด้วยรูปร่างของมันนี่ละ ทำให้หลายคนเรียกชื่อเล่นของที่นี่ว่า Door Hill Island ด้วยลักษณะของซุ้มประตูหินโค้งที่อยู่บริเวณปลายสุดของแหลมซึ่งเกิดจากการกัดเซาะของลมและน้ำมาเป็นเวลานาน ว่ากันว่าความใหญ่ของซุ้มนี้นั้น เรือขนาดใหญ่สามารถแล่นผ่านได้เลยนะ แถมยังเคยมีการบินผาดโผนด้วยเครื่องบินเล็กลอดผ่านซุ้มประตูหินแห่งนี้มาแล้วด้วยจ้า จากแหลมนี้ยังเป็นจุดชมวิวแบบพาโนรามาที่เต็มตาเต็มอารมณ์แบบสุดๆ ด้วยน้า อย่าลืมแวะมาเช็คอินกัน
19. Vestrahorn Mountain
อีกหนึ่งพิกัดสวยแปลกตาที่ควรมาหาทำ เพราะเป็นภูเขาซึ่งตั้งเด่นเป็นสง่าบนหาดทรายสีดำด้วยความสูง 454 เมตร ดูยิ่งใหญ่ตระการตาเห็นได้จากระยะไกล ใกล้ๆ กันยังมีหมู่บ้านไวกิ้งสไตล์โบราณซึ่งถูกสร้างขึ้นมาเพื่อถ่ายทำภาพยนตร์ให้แวะชมกันด้วยนะ บางส่วนของชายหาดยังมีสีเขียวแปลกตาของกอหญ้าที่ขึ้นแซมอยู่บนทรายสีดำเป็นระยะๆ ที่เริ่ดคือตรงนี้อยู่ไม่ไกลจากเมือง Höfn ซึ่งว่ากันว่าเป็นแหล่งล็อบสเตอร์แหล่งสำคัญของไอซ์แลนด์ด้วยจ้า ดูวิวแล้วอย่าลืมแวะไปชิมเด้อ
20. Godafoss Waterfall
นี่คือ 1 ใน 3 ของน้ำตกที่สวยที่สุดในไอซ์แลนด์ ซึ่งสวยอลังการจนได้รับการขนานนามว่าเป็น Waterfall of God หรือน้ำตกของพระเจ้ากันเลยนะ โดยน้ำตกนี้มีลักษณะเป็นครึ่งวงกลมและมีสายน้ำไหลลงมายังแอ่งน้ำขนาดใหญ่ที่อยู่ด้านล่าง ในขณะที่พื้นที่รอบด้านนั้นเป็นลานกว้างโล่งมองได้ไกลโดยรอบแบบ 360 องศา ยิ่งช่วงหน้าหนาวบริเวณนี้จะขาวโพลนสวยแปลกตาไปอีกแบบนะ อยากให้แวะมาชมกัน
หวังว่า 20 ที่เที่ยวไอซ์แลนด์ที่เราเอามาฝากกันคราวนี้ จะมีพิกัดสุดอัศจรรย์ใจที่ตรงกับจริตการเดินทางของคุณกันอยู่บ้างนะ บอกเลยว่าใครที่เป็นนักเดินทางสายธรรมชาติ ชอบความลุย รักการเที่ยวแบบแอดเวนเจอร์หน่อยๆ นะ มาไอซ์แลนด์รับรองว่าไม่ผิดหวัง เพราะที่นี่มีพิกัดธรรมชาติสุดปังซึ่งอลังการชนิดที่หาดูจากที่อื่นในโลกไม่ได้อยู่มากมาย รับรองเลยว่านี่คือดินแดนมหัศจรรย์ที่จะสร้างความประทับใจและประสบการณ์ไม่ซ้ำใครให้คุณได้อย่างแน่นอน
Comments